ก่อนปีใหม่ 2560 ลมหนาวพัดมาในปลายเดือนธันวาคม
พยากรณ์อากาศบอกไว้ว่า ฤดูนี้จะหนาวมาก ใช่หนาวมากเป็นบางวัน...หนาวสั้นๆ สลับร้อน...เมื่อต้องไปเมืองเลย ทำให้สัมผัสอากาศเย็นในตอนเย็นและรุ่งเช้า และสัมผัสร้อนในตอนกลางวัน
มีเหตุจากการไปทำงาน และให้เวลาเสร็จจากภาระได้ไปนอนภูป่าเปาะ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวกำเนิดใหม่ มีอายุถึง 5 ปีหรือยังก็ไม่รุ
เรารู้จักชื่อ ภูป่าเปาะ ในฐานะฟูจิเมืองไทย จุดเด่นอยู่ที่วิวมุมกว้างแบบพานอรามา ลุงอ้อนชวนไปเที่ยวตั้งแต่เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เรายังไม่มีโอกาสที่ได้ไปด้วยกันเลย วันนี้ฉันไ้ดมาสัมผัสเพียง 1 คืน ก็ชื่นจายยยยยย
ถ้ารู้จักคุนหมิงเมืองไทย ที่ อ.หนองหิน จ.เลยแล้วหล่ะก็ ต้องรู้จักภูป่าเปาะด้วย เพราะอยู่ติดกันแค่แพล๊บเดียว
เราเลือกพักที่ “ม่านเมฆทะเลหมอกรีสอร์ท”-คุนหมิงค่ะ ห่างจากภูป่าเปาะเพียง 3 กม. เราดูว่าที่พักใกล้กับภูป่าเปาะอาจไม่เหมาะกับวัยอย่างเรา ส่วนใหญ่เป็นลานกางเต้นท์ และโฮมสเตย์ เหมาะกับวัยดูดาวและสังสรรค์
เพราะจองที่พักก่อนออกเดินทาง 2 วัน จึงเราได้ที่พักอาคารไม้ 2 ชั้น บรรยากาศดีค่ะ แม้ไม่มีระเบียง แต่ระหว่างทางเดินไปที่พักเป็นสนามหญ้ากว้าง มีซุ้มนั่งเล่น กลางคืนมองเห็นดาวเต็มฟ้า มีบริการอาหารและเครื่องดื่ม เราใช้บริการบ้างในมื้อเย็น
(อาหารเย็น ณ ม่านเมฆทะเลหมอก รีสอร์ท)
คราวต่อไปถ้าได้กลับมาพักอีกฉันคงเลือกกระท่อมหิน เพราะห้องพัก 2 ชั้น ถ้าคนพักชั้นบนไม่ถนอมฝีเท้า คนนอนชั้นล่าง(ห้องฉันเอง)คงทรมานไปทั้งคืน รุ่งเช้าคงมีหลายห้องแจ้งปัญหานี้ให้เจ้าของรีสอร์ททราบ ทำให้เมื่อเจอหน้าเรา เจ้าของรีบออกปากขอโทษ...ทั้งทีไม่ใช่ความผิดของเค้า...แต่คราวหน้าฉันก็ไม่เอาชั้นล่างอีกแล้ว
มื้ออาหารว่างและมื้อเช้า เราแวะหากินที่ร้านค้าหน้าคุนหมิงเมืองไทย โดยเฉพาะกาแฟสด...กินในช่วงที่อากาศเย็นๆ นี่อร่อยขึ้นมาก
(ชามะนาวน้ำผึ้งร้อนๆ กับขนมปังปิ้งหวานๆ ที่ร้านค้าคุนหมิงเมืองไทย เหมาะกับวันอากาศเย็น)
ตี 5 เราจะต้องออกจากที่พักเพื่อไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้น....เสียงจากพี่ปูเตียงข้างๆ ลอยมาว่า จะไปกันไหม ถ้าไม่ไปจะได้นอนต่อ อิอิ เราก็เอาตัวเองออกมาจากผ้าห่มและไปภูป่าเปาะทั้งชุดนอน ทำให้ฉันเอามาเป็นชื่อทริป “ชุดนอน-ตะลอนเที่ยว”
ประมาณ 20 นาทีจากรีสอร์ท ไอ้เขี้ยวกุด(รถ)ก็พาเรา 3 คนมาถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวภูป่าเปาะเพื่อเปลี่ยนมาชึ้นรถอีแต๊ก ค่าบริการคนละ 60 บาท บริการจุดท่องเที่ยว 4 จุดและรอรับกลับ ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวนี้มีบริการอาหารและห้องน้ำ พร้อมร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก
ฉันเห็นเพื่อนร่วมทีมมีความสุขกับความเย็น หมอกฉ่ำ และภาพพานอรามา ทำให้ตอกย้ำสัจธรรมของชีวิตที่ว่า “สุขทุกข์อยู่ที่ใจ” เมืองเลยนี่เรามาบ่อยแต่มันยังสร้างความสุขได้เสมอ สุขมากสุขน้อยรู้ได้เฉพาะตน
ฉันเองก็ได้เรียนรู้ความเป็นไปแห่งตัวเอง...จะให้ใครสร้างความสุขให้ก็ไม่ได้ ถ้าตัวเองไม่สร้างความสุขด้วยตัวเอง
วันเวลาที่เราเดินทางไปชมนั้น ดวงจันทร์และดาวบางดวงยังคงอ้อยอิ่งบนท้องฟ้า เหมือนว่าจะรอทักทายเราก่อน
และพระอาทิตย์ก็โผล่มาทำหน้าที่ดังเช่นทุกวัน...ฉันได้แต่โบกมือทักทายพระอาทิตย์ตอนเช้าตรู่ พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
และเรียนรู้ว่า...เวลาทำให้ทุกสิ่งอย่างเปลี่ยน แค่เวลาเดินผ่านไปไม่กี่นาที พระจันทร์หายไป พระอาทิตย์นำความอบอุ่นมาให้ เฉกเช่นความเป็นไปของชีวิต
ภูป่าเปาะ ชมบรรยากาศได้ตลอดวัน ไฮไลท์อยู่ที่ตะวันตกดิน และตะวันขึ้น ฉันไม่ตื่นเต้นกะหมอก แต่มุ่งไปที่พระอาทิตย์ขึ้น ปกติคงไม่เห็นบ่อยเพราะเป็นคนตื่นสาย กลางวันท่าจะร้อน จากจุดจอดรถเราต้องเดินขึ้นที่ชันอีก 500 เมตร เพื่อชมภาพภูหอ ทางเดินไม่ลำบาก แต่ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกายอยากฉันก็ต้องหายใจทางปาก
ดอกบัวตอง และจุดถ่ายภาพยังเป็นสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวสดชื่น
วัยของฉันอาจจะเต็มอิ่มกับชีวิต นักท่องเที่ยวหลายคนเดินทางมาไกล เพื่อมาเยี่ยมเยือน ภูป่าเปาะมีความสวยงามจริงแต่ก็เหมือนที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติทั่วไป ส่วนที่ชอบดันเป็นการบริการรถอีแต๊กและน้ำใจของไกด์ท้องถิ่น การให้ข้อมูล การทักทาย การจัดรถ ทำให้ภูป่าเปาะมีเสน่ห์มากกว่าธรรมชาติที่เป็นอยู่
แม้แดดจ้า...แต่ลมเย็นค่ะ พอเช้ามาแดดออก เล่นเอาฉันอายคน นักท่องเที่ยวต่างแต่ตัวสวย ส่วนฉันสภาพชุดนอนเห็นๆ
ใช้เวลาที่ภูป่าเปาะประมาณ 2.30 ชม. แล้วกลับมากินอาหารเช้าที่ร้านค้าคุนหมิงเมืองไทย นอนต่อที่รีสอร์ท เอางานขึ้นมาทำต่อคนละแป๊บ แล้วโบกมือลาการท่องเที่ยว หาข้าวเที่ยงกินที่ตัวอำเภอหนองหิน เตรียมตัวกลับขอนแก่น ซึ่งต้องผ่านชุมแพ
ระหว่างทางจากชุมแพมาภูป่าเปาะ นอกจากคุนหมิงเมืองไทยแล้ว ใครไปบ่อยๆ ก็คงรู้ว่ามีแลนด์มาร์คให้แวะ เช่น ผานกเค้า ร้านขายสินค้าของชุมชน หากมีเวลากลับได้ค่ำก็รอดูค้างคาวออกจากถ้ำที่ภูผาม่าน (ฉันพลาดทุกที)
ส้มตำไก่ย่าง กาแฟ และหมวกถัก ผ้าพันคอถักนั้นน่าสนใจ และช่วงธค.-กพ. ที่เป็นฤดูสตอเบอรี่ออก ก็แวะแผง/ไร่สตอเบอร๊่ชมสินค้าเกษตรแบบสดๆ และแปรรูป ไปได้ตลอดทาง
ภูป่าเปาะเหมาะกับการเปลี่ยนบรรยากาศค่ะ แต่เห็นว่าปีใหม่ของทุกปีภูป่าเปาะจะคนเยอะมว๊าก...พอฉันแรงถดถอย ฉันก็ไม่สู้กับการฝ่าฝูงชน
...การท่องเที่ยวออกแบบได้
เป็นที่ต้องให้กำลังใจกันค่ะ เจอคนใต้มาประชุมเจอกัน ยังบอกว่าปีนี้น้ำเยอะ...คนไทยสามารถผ่านไปได้ทุกเรื่องอยู่แล้วค่ะ ขอให้เข้มแข็งและมีกำลังใจ