แตงโม (Watermelon)


แ ต ง โ ม สีแดงแดง แช่เอาไว้อยู่ในตู้เย็น !


แตงโม (Watermelon)

แตงโม เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดในแถบทวีปแอฟริกาในทะเลทรายคาลาฮารี ซึ่งชาติที่แรกที่ปลูกแตงโมไว้รับประทานนั้นก็คือชาวอียิปต์ (สี่พันกว่าปีมาแล้ว) สำหรับประเทศไทยนั้นการปลูกแตงโมจะมีอยู่ทั่วทุกภาคและปลูกได้ทุกฤดู พันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากโดยทั่วไปจะมีอยู่ 3 สายพันธุ์หลัก ๆ นั่นก็คือ
1.พันธุ์ธรรมดาทั่วไป มีเมล็ดขนาดเล็ก รสหวาน แบ่งย่อยได้อีกหลายพันธุ์ เช่น แตงโมจินตหรา
2.พันธุ์ไร้เมล็ด เป็นพันธุ์ผสมเพื่อใช้ในการส่งออก ไม่มีเมล็ดแก่สีดำภายใน ในญี่ปุ่นมีการทำแตงโมให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมโดยให้ผลเจริญในกล่อง เพื่อความสะดวกในการขนส่ง
3.
พันธุ์กินเมล็ด ปลูกเพื่อนำเมล็ดมาคั่วเป็นเม็ดก๋วยจิ๊ มีเนื้อน้อย มีเมล็ดขนาดใหญ่
แตงโม จัดเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับแคนตาลูป ฟักทอง แตงกวา ซึ่งนักพฤกษศาสตร์จัดให้อยู่ในวงศ์ CUCURBITACEAE เป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบอยู่ในปริมาณมากจึงมีคุณสมบัติเย็น รับประทานแล้วหวานชื่นใจ สำหรับประโยชน์ของแตงโมนั้นก็เช่น ช่วยลดอาการไข้ คอแห้ง รักษาแผลในปาก เป็นต้น และยังเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกด้วย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด อย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบีรวม แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่มีกระเพาะ ม้ามไม่แข็งแรง กระเพาะลำไส้อักเสบ หญิงหลังคลอด หลังป่วยหนัก หรือผู้ที่มีอาการปัสสาวะมากและบ่อย มีอาการท้องร่วงง่าย ไม่ควรรับประทานแตงโม


สรรพคุณทางยาของแตงโม

แตงโมไม่ใช่ว่าจะทานอร่อยอย่างเดียวเท่านั้น ในตำราแพทย์แผนไทย แตงโมงยังมีสรพพคุณทางยา ใช้ได้ตั้งแต่ราก ถึงผลเลยทีเดียว โดยรากของต้นแตงโมใช้แก้โรคบิด ท้องร่วง แก้ร้อนในกระหายน้ำ เปลือกสีเขียวของแตงโมที่จริงๆแล้วทานได้ ช่วยคลายอาการปวดฟัน ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ส่วนของเมล็ดของแตงโมใช้ช่วยในการขับพยาธิได้

เนื้อแตงโมอุดมประโยชน์

เนื้อในสีแดงของแตงโมมีสารพฤกษเคมีสีแดงชื่อว่า ไลโคปีน ชนิดเดียวกันที่พบอยู่ในผักที่มีสีแดงอย่างมะเขือเทศ ซึ่งไลโคปินนี้มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ ลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด แถมในแตงโมงยังมีสารอาหารดีๆอย่าง “เบตาแคโรทีน” (Beta-Carotene) ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยลดอาการติดเชื้อ อักเสบในระบบทางเดินอาหาร ช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้น้ำฉ่ำๆในแตงโมยังช่วยขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรงเงางามอีกด้วย

แตงโมกับการลดน้ำหนัก

สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก แตงโมถือเป็นผลไม้ชนิดนึงที่สามารถทานได้ เพราะแตงโมมีโพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำจึงทำให้มีพลังงานน้อย ไม่มีไขมัน และมีกากใยสูง มีปริมาณน้ำมากทำให้ทานแล้วอิ่มเร็ว แถมช่วยขับปัสสาวะช่วยลดอาหารบวมน้ำได้ นอกจากนี้ในน้ำแตงโมสดที่ไม่ผ่านความร้อน จะมีกรดอมิโนตัวนึงที่ชื่อว่า เจ้ากรดอะมิโนตัวนี้สามารถใช้เป็นสารตั้งต้นในการสร้างอาร์จีนิน กรดอะมิโนอีกตัวที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและหลั่งโกรทฮอร์โมน ที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ช่วยกระตุ้นการสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อ จึงช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการออกกำลังกาย


คุณค่าทางโภชนาการของผลแตงโมดิบ

พลังงาน 30 kcal 130 kJ
คาร์โบไฮเดรต 7.55 กรัม
น้ำตาล 6.2 กรัม
เส้นใย 0.4 กรัม
ไขมัน 0.15 กรัม
โปรตีน 0.16 กรัม
วิตามินเอ 28 ไมโครกรัม 3%
วิตามินบี 1 0.033 มิลลิกรัม 3%
วิตามินบี 2 0.021 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี 3 0.178 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี 5 0.221 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 6 0.045 มิลลิกรัม 3%
กรดโฟลิก 3 ไมโครกรัม 1%
วิตามินซี 8.1 มิลลิกรัม 14%
ธาตุแคลเซียม 7 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.24 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 10 มิลลิกรัม 3%
ธาตุฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม 2%
ธาตุโพแทสเซียม 112 มิลลิกรัม 2%
ธาตุสังกะสี 0.10 มิลลิกรัม 1%


อ้างอิง : http://www.lovefitt.com/healthy-fact/%E0%B9%81%E0%...

หมายเลขบันทึก: 619927เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2016 21:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 ธันวาคม 2016 21:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท