และก็เป็นอีกครั้งที่เป็นทริปคนเดียว...ก็ไปคนเดียวนี่นะ... Lonely Planet ก็ดีอย่าง เสียหลายอย่าง 555+
ข้อดี คือ อิสระ ไม่ต้องตามใจใคร ออกแบบการท่องเที่ยวได้ตามใจตัวเอง
ข้อเสีย คือ ไม่มีคนหารค่าเดินทาง ไม่มีคนแชร์เวลาสั่งอาหารทำให้กินได้ไม่่กี่เมนู ท้องก็อิ่ม มีความกลัวเมื่อแปลกถิ่น และไม่มีคู่คิดเมื่อเกิดปัญหาเฉพาะหน้า
แต่บางช่วงเวลา มันทำให้หาดใหญ่ครั้งนี้ วาไรตี้ เพราะฉันมีเพื่อนเที่ยว ก็ได้น้องต่างสถาบันที่มีประชุมร่วมกัน “น้องอร” เพื่อนร่วมทาง
จะว่าอายุใกล้เคียงก็ไม่ใช่ ไลฟ์สไตล์เหมือนกันก็ไม่ใช่อีก สิ่งที่เราเหมือนกันคือ
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ"ความเป็น อยู่ คือ" ของความเป็นหาดใหญ่ จากเวลาสั้นๆ ที่เราสัมผัส ...ผ่านเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้
ชวนกันไปเล่นสถานีรถไฟ: จากที่พักมองเห็นลิบๆ นั่นงัยสถานีรถไฟ ที่เวลานั่งรถผ่านบนสะพานจะเห็นป้ายสถานี ที่เขียนว่า ชุมทางหาดใหญ่...เป็นที่อยากถ่ายรูปกับป้ายนี้เหลือเกิน ดังนั้นเมื่อเลิกประชุม แม้จะเป็นเวลาเกือบ 17.30 น....เราก็จะไม่ละทิ้งความตั้งใจ ฉันถึงโพสต์ FB ว่า มีแต่ผีบ้าเท่านั้นแหล่ะที่อยากมาเที่ยวสถานีรถไฟ แถมไปกลับด้วยการเดิน เกือบลืมเล่าที่นี่มีโรงแรมด้วย ใช้ส่วนอาคารที่อยู่ในรูปด้านล่างนี้แหล่ะ
หลังจากที่ฉันโพสต์รูปถ่ายสถานีรถไฟ...หลายคนบอกภาพสวย โลเคชั่นแปลกตาดี กระนั้นยังมีคนแซวมาตามสื่อว่าฉันมาดู "รถไฟขบวนสุดท้าย" เพื่อเป็นข้อเตือนใจสำหรับตนเอง...มันไม่เกี่ยวกันเล้ยยยย สายนี้สิ้นสุดที่สุไหงโกลก...ฉันยังคิดว่า อาจจะเป็นโปรแกรมต่อไปของฉันก็ได้...นั่งรถไฟเที่ยว
ระหว่างทางก็แอบเล็งของกินไว้ให้ได้เปลี่ยนบรรยากาศ ร้านขนมปังโฮมเมดไส้ต่างๆ ราคาชิ้นละ 20 บาท นุ่มฟู
ขากลับฝนปรอย จนต้องหลบฝนเข้าไปที่ร้านแห่งหนึ่ง B's Sweet อาหารอร่อย เครื่องดื่มกลมกล่อม คนท้องถิ่นแวะมาใช้บริการเยอะทีเดียว มาถึงภาคใต้ก็ลองเมนูฟิวชั่น สปาเก็ตตี้คั่วกลิ้งดู...ใช้ได้ทีเดียว ฝนหาย ท้องอิ่มพอดีกัน...
เดินกลับโรงแรม หน้าโรงแรมมีของกินเยอะแยะ...ที่ควรแก่การบริโภค จะตั้งร้านตั้งแต่บ่ายแก่ๆ เช่น ผลไม้คัตติ้ง ชอบใจสับปะรดภูเก็ต ซื้อกินทุกวัน ชาชัก โรตี โรตีนม รังนกนี่ก็น่าสนแต่ไม่ได้ลอง...จริงๆ มาถึงแล้วควรลองชิมดู...เผอิญท้องมีพื้นที่ใส่แค่รวมมิตร
ของหวานเหล่านี้สะดวกในการ Take Home ขายใส่ถ้วยพลาสติกปิดฝาพร้อมช้อน ฉันเลยจัดขึ้นไปโรงแรม 1 ถ้วย เพื่อกินระหว่างดูหนังเรื่องยาวจากเคเบิ้ล
รู้หรือยังคะว่าทำไมฉันถึงเมินอาหารโรงแรม เวลา 5 วัน 4 คืน สนุกกับการ "เป็น อยู่ คือ" แถวๆ โรงแรมเซนทารา ชาชักกับโรตีแกงเนื้อ (ร้านของเซนทารา) ราคา 105 บาท อาหารจานแบรนด์นี่นะ
ชวนกันไปเล่นตลาด: ฉันยอมตื่นเช้า และยอมปฏิเสธบากุดเต๋ที่มีคนชวนไปเลี้ยง ไม่แยแสบุฟเฟต์ของโรงแรม นัดน้องไว้เวลา 06.00 น. จะได้มีเวลาเอ้อระเหย
กระนั้นโทรศัพท์ดังขึ้นในตอนเช้าตรู่พร้อมเสียงน้องอรถามว่า พี่พร้อมยัง...ณ เวลา 06.30 น. ฉันปล่อยเสียงแหบพร่าไปตามสายโทรศัพท์ว่า กำลังตืน...ใช้เวลาเคลียร์ตัวเองไม่ถึง 5 นาทีฉันก็พร้อมที่จะไปตลาดแล้ว...
06.45 น. เราสองคนเรียกรถสองแถวคนละ 20 บาท ไปเล่นตลาดสด ที่เรียกว่าตลาดรถไฟ เพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟ
ที่นี่แปลกกว่าตลาดแถวขอนแก่น คือ มีการหั่นผักสด พริก มะเขือ ไว้ขาย เวลาขายก็ขายเป็นขีดเป็นกิโล ตลาดมีความอุดมสมบูรณ์มากมาย เดินผ่านไปฉันก็นึกอยากกิน ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ขึ้นมาดื้อๆ ด้วยเดินผ่านแผงพริกแกง แผงผักพื้นบ้าน และร้านขายกะทิ
เราใช้เวลาสักระยะกับกาแฟร้อนและข้าวเหนียวปิ้งที่ร้านกลางตลาด นั่งมองดูผู้คนที่เดินไปมา...มานะถ้าอยากลองข้าวเหนียวไส้กุ้ง ที่นี่ลูกค้าจะมาเลือกข้าวเหนียวปิ้ง หยิบใส่ถุงแล้วคิดเงินเอง...ฉันต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ไม่รังเกียจตลาด ทำให้ฉันได้สัมผัสความเป็น อยู่ คือ ของคนหาดใหญ่จริงๆ และพอฉันกลับมาถึงห้องประชุมเรื่องราวของตลาดก็เป็นที่เล่าสู่เพื่อนร่วมประชุม ที่หลายๆ คนจะลอกแบบในเช้าวันต่อไป
แม้ท้องจะเริ่มแน่น แต่ฉันก็ยังขอคิวไปกินติ่มซำ ที่โชคดีแต้เตี้ยม อาหารเช้าที่เป็นที่นิยมของคนหาดใหญ่ ...ถ้าไม่มาวันนี้ คงไมมีเวลาได้มาอีก...เวลาฉันสั้นนัก...ของกินคำเล็กๆ วางมาในถ้วยเล็ก เสริฟมาในเข่งไม้ไผ่ที่ผ่านความร้อนจากการนึ่ง ควันฉุยน่ากิน...ร้านนี้มีบากุดเต๋ด้วย อาหารประจำถิ่น แต่เสียดายอดกิน เพราะสัมประทานพื้นที่ท้องมาได้แค่นี้
ก่อนมาฉันอนุมานคำว่า "แต้เตี้ยม" ว่ามีความหมายคือ ติ่มซำ แต่แท้จริงแล้วมันมีความหมายว่า "น้ำชา"
...เราลดการเสียเวลาในการเดินทางโดยการยอมจ่ายค่าสองแถวทั้งไปและกลับ...เพราะคิวหนึ่งที่สำคัญคือการเข้าห้องประชุม
...08.15 น. ฉันเพิ่งกลับจากร้านติ่มซำ...และยังไม่ได้อาบน้ำเลย...เกือบลืมว่าตัวเองมาทำงาน
ชวนกันเดินรอบเมือง...เราจะไปร้านนมกัน :...หากจำบันทึกฉบับเก่าได้ฉันกลับมาจากสงขลา ก็ประมาณ 19.00 น. แล้วกว่าจะออกจากโรงแรมก็เกือบ19.30 น. แต่จากที่น้องอรปรารภไว้ในห้องประชุม...ว่า...เราไปร้านนมกันเหอะคืนนี้ ร้านนี้แต่งร้านน่ารัก จาก Map ในมือถือบอกว่าใช้ระยะเวลาการเดิน 30 นาที เดินเล่นๆคงไหว เดินไปเดินมา Map พาเดินไปในตรอก ซอยมืดๆ เลียบคลองน้ำงี้ จนฉันบอกว่า...ไม่อาวววว ไม่เดินไปที่มืด...ไม่ใช่ถิ่นนี่คะ...เห็นกล้าไปไหนมาไหน แต่บางอย่างก็อย่าประมาทไว้แหล่ะดี
เราใช้เวลาเกือบ 1.30 ชม. ในการไปถึงร้าน ระหว่างทางก็มีอะไรให้ดูนะ เช่น แถวๆตลาดกิมหยง มีทั้งขายอาหารและขายดอกไม้...เล่นเอาหญิงสาวอย่างฉันกรี๊ดสนั่น ดอกไม้สวยยยยยย....
ข้อดีของการเดินเล่นในระยะทางที่ไกลกว่าที่คิด...1)เรียนรู้ความดีของการมีเพื่อน 2)เรียนรู้วิธีการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน 3)เห็นหาดใหญ่ในมุมที่นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งไม่เห็น 4)สัมผัสความรู้สึกเมื่อทำสิ่งที่ตั้งใจหมายได้สำเร็จ
ระหว่างระยะทางที่ยาวไกล...น้องอรบอกขอโทษฉันหลายครั้งที่พาฉันมาลำบาก จริงค่ะ! บางทีฉันก็เหนื่อย
แต่คืนนี้มันคงดีกว่าชีวิตสบายๆ บนเตียงนุ่มในโรงแรม...โดยที่ฉันไม่ได้เรียนรู้อะไร
เหตุการณ์วันนั้นทำให้ฉันกลับมาโพสต์ใน FB ว่า Keep walking ถ้าจำไม่ผิดนะ...มีเม้นท์ตอบมาจากน้องอรเพื่อนร่วมทางว่า You'll never walk alone 555+ นี่แหละข้อดีของการมีเพื่อนเที่ยว
เรื่องร้านนมมันยังไม่จบ
สุดท้ายพนักงานที่ร้านฝากให้น้องพนักงานที่มาช่วยงานและกำลังจะเลิกกลับบ้าน มาส่ง โดยแว๊นส์แบบซ้อนสามมากลางดึก...ส่งถึงหน้าโรงแรม โดยที่น้องอรเป็นผู้ขับ 5555+ เจ้าของรถจะงงๆ อยู่หรืองัยก็ไม่ทราบ แต่เราต้องขอขอบคุณ “น้องพิม” มาไว้ ณ ที่นี้ และสรุปความวาไรตี้ของหาดใหญ่ ด้วยความรู้สึกว่า “คนใต้ใจดี” และถ้าไม่ใช่ย่านท่องเที่ยว...คนแถวนี้เค้าจะปิดบ้านนอนเร็ว
แถมระหว่างนั่งชิลอยู่ที่ Tempo Cafe นั้น หนุ่มรถรางได้คุยผ่าน FB มา แล้วให้เบอร์มือถือไว้ ด้วยทราบว่า ฉันจะไปเกาะยอคนเดียว!!!! เผื่อเวลาฉันโก๊ะๆๆๆ แล้วต้องการคำแนะนำ ช่วยเหลือในการท่องเที่ยว จะได้ให้คำแนะนำช่วยเหลือได้ มันก็ตอกย้ำความเป็น "คนใต้ใจดี" ที่ฉันสามารถเล่าบอกใครต่อใครว่า "เมืองไทยน่าเที่ยว"
แล้ววาไรตี้ก็จบลงโดยสวัสดิภาพ
ไม่มีความเห็น