๔๕๖..เรียงร้อยถ้อยคำคม ให้สมกับการศึกษาดูงาน..ครั้งสำคัญ


"วันนี้..คิดเสมอว่า.".่พ่อหลวง"..จะอยู่ในใจเราเสมอ เราต้องทำงานทำหน้าที่ให้ดีที่สุด..แค่คิดว่าจะตามรอยพ่อ ทำตามคำที่พ่อสอน ความรู้สึกบอกเราเลยว่า เราไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญอะไรอีกแล้ว..มีความสุขอยู่กับงานที่ทำ..เท่านั้น"

ผมเตรียมการต้อนรับคณะที่จะมาศึกษาดูงานที่โรงเรียน ถึงแม้จะดูไม่เป็นทางการมากนัก..แต่ก็เป็นภาคเอกชน ที่ผมไม่เคยได้ต้อนรับมาก่อน..การพูด..จึงต้องเตรียมเพื่อให้ได้สาระที่สอดคล้องกับภาพเชิงประจักษ์..ในโรงเรียนขนาดเล็ก..ผมจะบอกเขาว่า....

“ผมมาอยู่ที่นี่..เมื่อปี ๒๕๔๙..มีนักเรียน ๔๘ คน..เป็นโรงเรียนที่ผู้บริหารที่รักความก้าวหน้า เขาไม่เลือกกัน..มีอาคารที่เก่ามากหลังเดียว..ปัจจุบันที่เห็นก็ยังเก่าเหมือนเดิม แต่ผมทำมันให้สะอาดและร่มรื่นมากขึ้น สิ่งที่ผมทำใหม่ คือ..ทำให้นักเรียนอ่านคล่อง เขียนคล่อง และค่าเฉลี่ยโอเน็ตสูงกว่าระดับประเทศ ตลอดจนทำให้เด็กเป็นคนดี มีทักษะชีวิต..ที่ทำเช่นนี้ได้ ก็เพราะได้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และให้เวลาสอนเด็กเป็นรายบุคคล จึงเกิดผลการพัฒนาที่ต่อเนื่อง"

“..ตอนที่ย้ายมาใหม่ๆ..แหล่งเรียนรู้ภายนอกยังไม่มี มีแต่ตัวอาคาร จะเริ่มต้นอะไรสักอย่างต้องคิดหนัก ทำแล้วใครจะช่วยสานต่อ ครูก็มีกันแค่ ๓ – ๔ คน ผู้ปกครองก็ยังไม่ศรัทธา เขาคิดว่าเดี๋ยวเราก็ย้าย..จะบ่นจะท้อก็ไม่ได้ เพราะเราอาสามาเอง จึงคิดว่าจะค่อยๆทำ ตามที่พ่อสอนไว้..ทำด้วยความอดทนและร่าเริง..ที่สำคัญขอให้เราลองนึกดู แล้วเราจะหายเหนื่อย.."

.....เพราะพ่อเคยเหนื่อยล้าทำมาก่อน คำพ่อสอนทุกคำจึงล้ำค่า เป็นเสื้อผ้าอาหารบ้านและยา เป็นคุณค่าคุณธรรมประจำใจ....

ผมอยากบอกพวกเราว่า..การทำงานอะไรก็ตาม แรงบันดาลใจ เป็นสิ่งสำคัญ จะช่วยให้เราอยู่ได้และไปต่อได้..ผมใช้เพลงเป็นตัวช่วย..ด้วยเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่ผมนำมาสอนเด็กๆ จริงๆแล้วผมสอนตัวเองเตือนตัวเอง..ให้มุ่งมั่นและแข็งแกร่ง อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ...

.....ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง......

ต่อมาก็แต่งเพลงมาร์ชประจำโรงเรียน เพื่อหล่อหลอมจิตใจครูและเด็กเข้าด้วยกัน ให้เขารักโรงเรียน และมีเป้าหมายร่วมกัน..

....สถานศึกษาแห่งนี้ของเด็กน้อย ครูจึงคอยดูแลให้ทั่วถึง..การเรียนรู้เร่งสัมฤทธิ์ติดตราตรึง เฝ้าคำนึงให้ก้าวหน้าวิชาการ...."

"ปัจจุบัน..สถานศึกษาแห่งนี้ ต้นสังกัดยกให้เป็นโรงเรียนพอเพียงแล้ว..จริงๆแล้ว ทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชนก็พอเพียงได้หมด..คำว่าพอเพียงอยู่ที่ใจ..หัวใจที่จะเริ่มต้น..และอยู่ที่วิธีคิด...ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม..และยอมเสียสละเพื่อส่วนรวมบ้าง.."

"คำว่าอยู่ที่วิธีคิด คือ คิดทำเรื่องเล็กๆก่อน ไม่คิดใหญ่ทำใหญ่ และไม่คิดว่าความขาดแคลนเป็นอุปสรรค ส่วนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม.. ก็ต้องไม่เริ่มต้นด้วยการตัดต้นไม้ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี แต่ใช้น้ำหมักชีวภาพที่เราผลิตเอง ท้ายที่สุดเราต้องเสียสละประโยชน์สุขส่วนตัวบ้าง เพื่อให้องค์กรอยู่รอดอย่างมั่นคงและยั่งยืน"

"วันนี้..คิดเสมอว่า.".่พ่อหลวง"..จะอยู่ในใจเราเสมอ เราต้องทำงานทำหน้าที่ให้ดีที่สุด..แค่คิดว่าจะตามรอยพ่อ ทำตามคำที่พ่อสอน ความรู้สึกบอกเราเลยว่า เราไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญอะไรอีกแล้ว..มีความสุขอยู่กับงานที่ทำ..เท่านั้น"

“...ความมุ่งมั่นยังมีอยู่ ยังต้องสู้ต้องทำทุกอย่าง อยู่บนทางที่แม้จะเหนื่อย แต่ยังไหว ยังต้องคิด ต้องทำดี ต้องมานะพากเพียรเข้าไป แต่ดวงดาวไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ....”

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

ภาพประกอบ..ที่บ้าน..วันเสาร์







ภาพประกอบ...ที่โรงเรียน..วันอาทิตย์







หมายเลขบันทึก: 618877เขียนเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2016 20:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2016 20:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท