ความหนาวทำให้ความเหงาที่สวีเดน


เรื่องเล่าระหว่างทำงานของผม เมื่อปลายปี 2558 ผมเห็นเรื่องราวอื่นๆ นอกเหนือมิติสุขภาพ....

“ระเบียง” (นามสมมติ)

อายุ 55 ปี

แรงงานชาย


เมื่อใกล้เดือนกรกฎาคมของทุกปี แรงงานในหมู่บ้านจำนวนหนึ่ง มีแนวโน้มจะเดินทางไปประเทศฟินแลนด์และสวีเดนมากขึ้นเรื่อยๆ จากเริ่มต้นที่มีปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา

แรงงานหน้าใหม่ที่จะไปส่วนใหญ่ จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ ทำนา ทำไร่อ้อย และเลี้ยงวัว ความฝันข้างหน้าที่อยู่กับความฝันถึงเงินแสนที่ตนเองได้รับ จากการบอกเล่าของคนในหมู่บ้าน และแรงงานที่เคยไปทำงานหลายครั้งใน และความเชื่อมั่นของตนเองว่า ความตั้งใจจะทำงานหนัก จะอดทนทั้งความหนาว ความเหงา และสายฝน จะทำให้พวกเขาได้เงินกลับบ้าน

“ระเบียง” แรงงานวัย 55 ปี มีแรงจูงใจเช่นเดียวกับแรงงานที่มองเห็นเม็ดเงินที่อยู่ข้างหน้า เพราะญาติที่ชักชวนในปีแรก มีกิจการที่มั่งคงและเป็นหลักฐาน ยังต้องทิ้งงานชั่วคราวเพื่อเป็นเก็บบักแบร์ “ปีแรก จะมีน้องสาวฝ่ายเมีย จากอำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น เขาเปิดร้านเย็บเสื้อผ้า เย็บชุดกีฬา เปิดร้านใหญ่เลยนะ แต่เขาเห็นเพื่อนไปเก็บมา แล้วได้เงินเยอะ ญาติเขาปิดร้านเย็บผ้าเลยนะ มาชวนผม ผมก็ตัดสินใจไป เพราะเขาเปิดร้านใหญ่โตเขายังไปเลย เขายังกล้าไปเลย แล้วผมจะเหลือเหรอ”

ระเบียงเล่าว่า “ ผมกู้ธนาคารออมสินไปเอง จ่ายกับบริษัทที่ผมไปสมัครไว้ ปีที่แล้วปี 57 ผมจ่ายเงินไป 75000 บาท กำไรทั้งหมดกับหลังหักค่าไปแล้ว ซึ่งผมไปทั้งหมด 4 ครั้งแล้ว เฉลี่ยแล้วต่ำสุดอยู่ที่ 10,000 และมากที่สุด เคยได้ถึง 250,000 บาท ถ้านับจริงกำไรอาจไม่ถึงนั้น เพราะเราต้องหักค่าอยู่ค่ากิน ค่าที่พักอาหาร ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่ายาหยูกค่ายา ค่าเสื้อผ้า ค่าอุปกรณ์ในการเก็บ ค่าน้ำมันรถ ตลอดสามเดือน ประมาณ 35,000 บาท”

ค่าใช้จ่ายที่ตนเองต้องใช้ในการใช้ชีวิตในแค้มป์ว่า “ค่าใช้จ่ายต่อสัปดาห์ที่เราต้องจ่าย เป็นค่ารถ ค่าอาหาร และค่าที่พัก แต่ผมไม่ได้จ่ายเป็นเงินสด บริษัทเขาจะหักไว้ จะรู้เมื่อตอนเรากลับแล้ว สัปดาห์ละ 500 โคน่า หรือผมเรียกว่า โคน โคนหนึ่งตกประมาณ 4 บาทกว่าๆ 4 บาท ห้าสิบสตางค์ ตกสัปดาห์ละ 2,000 บาทกว่าบาท ตกตลอดระยะเวลาที่ผมไปเก็บก็ประมาณ 35,000 บาท”

การถูกหลอกลวงของแรงงาน จะพบปรากฏการณ์นี้จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะแรงงานที่มี ประสบการณ์ไปแล้วมากกว่า 1 ครั้ง แล้วเปลี่ยนบริษัทที่เดินทางไป ซึ่งการถูกหลอกลวง พบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นนายหน้าคนกลางของบริษัท ที่มาเอาเงินไป แล้วไม่ส่งเข้าบริษัท

ระเบียงเล่าถึงการถูกหลอกลวงว่า “ตอนจะไปปีที่สอง มีนายหน้าคนต่างอำเภอมาชวนไป ไม่ได้ไปบริษัท และไปกับญาติๆ โดยตรง จึงถูก “ต้ม” (โกง) ไป 15,000 บาท แต่ไม่เป็นไร จึงกลับบริษัทใหม่ “มีสยาม” ปีที่สองก็ยังได้ไป ไปเฉพาะตนเอง เมียไม่ได้ไปด้วย”

เมื่อทราบกำหนดการเดินทางที่ชัดเจน นอกจากเตรียมหยูกยาเพื่อบรรเทาอาการการเจ็บป่วยเบื้องต้น เสื้อผ้าที่ต้องหนา เพราะถึงเป็นหน้าแล้งของที่นั้น แต่อากาศก็หนาวเย็นมาก และต้องเตรียมเสื้อกันฝน เพราะฝนตกบ่อยมาก และการเดินทางในป่า ต้องเตรียมรองเท้าบูทด้วย

นอกจากนั้นต้องเตรียมอุปกรณ์ในการไปเก็บบักแบร์ คือ ต้องเย็บถุงปุ๋ย เพื่อประยุกต์ในการเก็บ โดยต้องทำหูรัดถุงด้วย....

แรงงานจะขึ้นเครื่องบินประมาณกลางเดือนกรกฎาคม กลับเมืองไทยประมาณกลางเดือนตุลาคมเช่นกันขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน และเมื่อไปถึงประเทศสวีเดน นายหน้า จัดซื้อหรือซื้อโรงเรียนและรีสอร์ทเก่า รวมทั้งรถเก่าไว้รองรับคนงาน ซึ่งที่พักแรงงานไทยสวีเดน เป็นโรงเรียนร้างเก่า เสียส่วนใหญ่
“ตอนแรกผมไป 4 คู่ 8 คน มีแต่พี่ๆ น้องๆ สภาพห้องกว้าง และเป็นห้องโถง สะอาด มีห้องน้ำข้างนอก ข้างในห้องมีแอร์อุ่น ถ้าออกสูบยา (บุหรี่) ต้องออกมาสูบนอกห้องนอก...โล่งกว้าง...อากาศข้างนอกจะเริ่มหนาวแล้ว...ออกมานอกห้องประมาณสองทุ่มจะเริ่มหนาวแล้ว...”

“ภายในห้องพัก และภายในแค้มป์ สะอาดมาก และมีระเบียบเรียบร้อย คนในห้องพักต้องไม่สูบบุหรี่ ถ้าอยากสูบบุหรี่ต้องสูบนอกห้องพัก ทุกวันเมื่อกลับมาถึงที่พักต้องทำความสะอาดห้องพัก และทุกๆ ตื่นนอน จะต้องเก็บที่นอน ผ้าห่ม เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนออกจากห้องนอน ทุกอาทิตย์จะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาออกตรวจสถานที่และห้องพัก เขาบอกว่า เป็นกฎหมาย ต้องออกมาดูห้องครัว สิ่งแวดล้อม ความสะอาด ขยะ ได้เห็นเจ้าหน้าที่เข้ามาเรื่อยๆ ”

แรงงานที่นี่ต้องตื่นตั้งแต่เวลา 04.00 น. เพื่อเดินทางเข้าป่า ตระเวนเก็บเกี่ยวผลเบอร์รี่ให้ได้มากที่สุด ทั้งยังต้องเดินข้ามภูเขาเพื่อควานหาผลเบอร์รี่ให้เก็บอีกด้วย โดยครั้งหนึ่งคนในทีมของเธอเจอหมีป่าตัวใหญ่ แม้จะหวั่นกลัวขนาดไหน แต่ก็ต้องกลั้นใจหอบผลเบอร์รี่ที่เก็บได้ประมาณ 10-12 กิโลกรัม จำนวนหลายถัง วิ่งกลับมาด้วยกัน เนื่องจากทั้งหมดนั่นคือรายได้ที่จะปลดหนี้ให้กับแรงงานทุกคน

“ค่าน้ำมันรถตู้...ที่ไป 8 คนต่อคัน คนขับไม่ได้จ่ายค่าน้ำมัน อีก 7 คนต้องแชร์กันจ่ายร่วมกัน ตกรายคนละ 500 บาทไทย ต่อสัปดาห์”

ความหนาวทำให้ความเหงา เส้นทางไปสู่ป่าลูกแบร์ ไม่ได้มีให้เก็บเหมือนทุ่งไร่ทุ่งนาบ้านเรา บ่อยครั้งต้องเดินทางเป็นร้อยกิโลเมตร บนถนนหลายสิบซอยอันคตเคี้ยวทุรกันดาน ในป่าอันเงียบเหงา ท่ามกลางสายฝนอันแสนหนาวเย็น คงเป็นความทรงจำ ของอีกหลายชีวิตที่ผ่านเข้ามา ในป่าสนแดนยุโรป เป็นอย่างดี

“ช่วงที่ไปเก็บจะเป็น “หน้าแล้ง” ของเขา... ไม่มีหิมะ แต่อากาศหนาวเย็นมาก ตลอดทั้งวัน ฝนจะตกบ่อย เกือบทุกวันก็ว่าได้ ความหนาวทำให้เหงาคิดถึงบ้าน โดยเฉพาะเวลาฝนตก”

"ส่วนน้อยนะ แล้วคนที่ได้เงินกลับเป็นแสนบาทรู้ป่ะ พวกเขาทำกันอย่างไร ตื่นตี4 ออกจากบ้าน ถึงป่าตี5 เริ่มเก็บ ตอนกินข้าวกลางวัน มือหนึ่งยัดข้าวใส่ปาก อีกมือก็เดินตักผลไม้ เลิกเก็บก็ประมาณ3ทุ่ม ทำแบบนี้ทุกวัน ฝนตกก็ไปไม่มีวันหยุด 3 เดือนน่ะ ถ้าทำแบบนี้ได้ รับรอง มีเงินกลับไทยเป็นแสน”

ในการเดินทางไปเก็บผลไม้ดังกล่าวจะต้องมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสนบาท เพื่อเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก และค่าอาหารการกิน ทำให้แรงงานหลายคนต้องมีการกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาลงทุนค่าใช้จ่ายก่อน หลายคนที่เคยไปเป็นประจำทุกปีอาจจะได้กำไรกลับมาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาท แต่ทว่านั่นก็ไม่ได้เป็นรายได้ที่แน่นอนเสมอไป

ระเบียงเล่าทิ้งท้ายไว้ว่า หากมองในแง่มุมของการเข้าไปหารายได้เสริมในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ป่าที่สวีเดน ถือว่าเป็นรายได้จำนวนไม่น้อย เพราะในระยะเวลาเพียง 2-3 เดือน พวกเขามีโอกาสได้รับค่าแรงถึงหลักแสนบาทขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ แต่ถ้าหากต้องมีการหักลบกันกับค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร และค่าจิปาถะที่เป็นต้นทุน อาจทำให้หลายคนได้ไม่คุ้มเสีย ในการเดินทางไปขุดทองไกลถึงต่างแดน

*********************

คำสำคัญ (Tags): #แรงงาน#ทิมดาบ
หมายเลขบันทึก: 617157เขียนเมื่อ 18 ตุลาคม 2016 09:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 ตุลาคม 2016 09:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท