ในเดือน ตุลาคม ปี ๒๕๕๙ นี้ ถือเป็นปีที่มีเหตุการณ์ที่ผู้เขียนคงไม่มีวันลืมเลือนไปได้ เนื่องจาก ในวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลาประมาณตี ๔ ต่อตี ๕ ผู้เขียนต้องหัวใจแทบสลายเมื่อทราบอย่างแน่ชัดว่าคุณพ่อ คนที่ผู้เขียนรักและบูชาอย่างมากมาตลอดชีวิตได้จากผู้เขียนไปอย่างไม่มีวันกลับ
เมื่อแน่ใจว่าพ่อไม่หายใจแล้ว สิ่งแรกที่นึกได้คือ โทรศัพท์หาน้องชายให้มาดูพ่อ หลังจากนั้น เราได้โทรศัพท์เรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน ๑๖๖๙ ให้มาตรวจสัญญาณชีพ และเมื่อแน่ใจว่าพ่อไม่มีสัญญาณชีพแน่ๆแล้ว เจ้าหน้าที่บอกให้แจ้งผู้นำชุมชน เนื่องจากยังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก บ้านผู้นำชุมชนยังปิดเงียบอยู่ ผู้เขียนจึงไม่ได้เรียกด้วยความเกรงใจ ต่อมาน้องชายได้เปิดกูเกิ้ลว่าหากมีผู้เสียชีวิตต้องทำอย่างไร (ต้องขอขอบคุณกูเกิ้ลไว้ ณ ที่นี้ด้วย) ได้ความว่าต้องทำตามขั้นตอน ดังนี้
๑. สิ่งแรก กรณีมีผู้เสียชีวิตในบ้านในเขตเทศบาล อำเภอเมือง ให้รีบไปแจ้งสถานีตำรวจภายใน ๒๔ ชั่วโมง สถานีตำรวจจะออกใบรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี โดยเราต้องนำบัตรประจำตัวผู้เสียชีวิต บัตรประจำตัวเจ้าบ้านผู้แจ้ง สำเนาบัตรประชาชนของผู้แจ้ง เพื่อไปแจ้งความ
๒. ร้อยเวรที่สถานีตำรวจจะติดต่อแพทย์เวรเพื่อให้ไปร่วมชันสูตรพลิกศพที่บ้าน และจะออกใบรายงานการชันสูตรพลิกศพ
ในช่วงหลังจากตำรวจและแพทย์เวรกลับออกจากบ้านไปแล้ว ต้องรีบติดต่อผู้มาฉีดยาศพ
๓. หลังจากนั้น ต้องรีบไปแจ้งที่เทศบาลภายใน ๒๔ ชั่วโมง แต่กรณีของพ่อ เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ ผู้เขียนจึงไปแจ้งเทศบาลนครขอนแก่นในวันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ โดยนำหลักฐาน บัตรประจำตัวผู้เสียชีวิต บัตรประจำตัวผู้แจ้ง สำเนาทะเบียนบ้าน ใบรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ใบรายงานการชันสูตรพลิกศพ ใบรับรองแพทย์ พร้อมสำเนาทุกฉบับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เทศบาลดำเนินการต่อไป
๔. เทศบาลจะออกใบมรณบัตรและบันทึกในทะเบียนบ้านที่ท้ายบรรทัดชื่อผู้เสียชีวิตด้วยอักษรสีแดงว่า "ตาย"
ส่วนในด้านการจัดงานพิธี น้องชายของผู้เขียนติดต่อเพื่อนให้มาช่วยแนะนำด้านพิธีการตามประเพณี ในกรณีของพ่อ เราได้เคลื่อนพ่อไปที่วัดป่าวิเวกธรรม ไม่ห่างไกลจากบ้านเพื่อสวดพระอภิธรรมและทำพิธีทางศาสนาตามธรรมเนียมไทย และได้เตรียมพิธีบรรจุพ่อตามธรรมเนียมจีน
ช่วงเวลาระหว่างวันที่ ๒ - ๘ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลาส่วนใหญ่ของผู้เขียนจะหมดไปกับการพยายามจัดงานศพโดยอิงตามทั้งประเพณีไทยและจีนให้เป็นไปอย่างเหมาะสม ด้วยคุณพ่อได้สร้างฮวงซุ้ยไว้ที่สุสานกู่ทอง ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม จึงต้องจัดงานมีพิธีสวดอภิธรรมทุกคืน เวลาประมาณ ๑๙:๐๐ น. และจัดพิธีเพื่อเคลื่อนพ่อไปบรรจุที่สุสานกู่ทอง ในวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๙
ผู้เขียนต้องขอขอบคุณเพื่อนๆและญาติทุกท่านที่ร่วมพิธีและช่วยให้งานดำเนินไปด้วยดี ความเรียบร้อย ราบรื่น
ท้ายสุด ครอบครัวของเราทำบุญเลี้ยงพระเพลในวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๙ งานต่างๆเรียบร้อยด้วยดี
แต่แล้ว จิตใจของผู้เขียนยังไม่ทันคลายความเศร้า ในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ช่วงเย็น ผู้เขียนก็ต้องพบกับความเศร้าอีกครั้งพร้อมประชาชนชาวไทย ด้วยข่าว การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ แห่งราชวงค์จักรี หรือ ในหลวง ร.๙ ของพวกเราชาวไทย
เดือนตุลาคม ๒๕๕๙ นี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่ผู้เขียนและประชาชนชาวไทยมิอาจลืมเลือนได้
ลืมไม่ได้ชั่วชีวิตจ้ะ
ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียคุณพ่อด้วยนะคะ พี่บุญ ท่านไปสบายแล้วค่ะ พวกเราต้องอยู่กันต่อไปอย่างมีสติและครองตนตามแบบอย่างดีๆของท่าน สำหรับ"พ่อหลวง"ของพวกเรานั้น ไม่ต่องพูดอะไรเราก็เข้าใจความรู้สึกของคนไทยทุกคนนะคะ