ฉันเริ่มต้นอยากเป็นครู เพราะเห็นคนในครอบครัวเป็นครู จนเกิดคำถามว่า ทำไมอาชีพนี้ดูสบายจัง มีช่วงเวลาปิดเทอมและยังได้รับเงินเดือนด้วย ไม่ต้องฝ่าฟัน ไม่ต้องสู้รบกับใคร ไม่มีอันตราย ไม่มีใครปองร้าย ทำงานเป็นเวลา วันเสาร์-อาทิตย์ ก็เป็นวันหยุด คงไม่มีอาชีพไหนสบายไปกว่าอาชีพครูอีกแล้ว
ฉันจึงเริ่มเข้าสู่วงการอาชีพครูตามที่ฝัน และเมื่อฉันไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู ฉันจึงต้องมาเป็นครูอาชีวศึกษาเพื่อที่จะพัฒนาตนให้มีใบประกอบวิชาชีพตามขั้นตอน เหตุนี้จึงทำให้ฉันมองเห็นโลกอีกมุมหนึ่ง เป็นมุมมองที่ฉันไม่เคยรับรู้มาก่อน อาชีพครูไม่ใช่อาชีพที่สบายอย่างที่คิด ครูไม่ได้มีหน้าที่สอนเพียงอย่างเดียว ครูต้องอุทิศตน ต้องทุ่มเททั้งกายและจิตใจ ให้กับศิษย์ ต้องมีความมุ่งมั่นปรารถนาให้ศิษย์มีทั้งวิชาความรู้ และเป็นคนดีในสังคม เมื่อศิษย์มีปัญหา ครูจึงต้องเป็นที่พึ่งให้กับศิษย์ ในระยะเวลา 2 ปีที่ฉันเริ่มเป็นครู ฉันเห็นปัญหามากมายที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเรียนอ่อน ปัญหาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ปัญหาการออกกลางคันของนักเรียน ทุกปัญหาล้วนมีสาเหตุมากมาย แต่ส่วนใหญ่มักมีที่มาจากสาเหตุเดียวกัน คือ ครอบครัวของสังคมไทยในปัจจุบัน ที่ขาดการดูแลเอาใจใส่บุตร ปัญหาความยากจน รวมถึงครอบครัวยังไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษา เพราะฉะนั้น เมื่อฉันเป็นครู ฉันก็ต้องทำหน้าที่ครูให้ดีที่สุด จนหลายๆครั้งฉันต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อแม่ และเพื่อน ให้กับนักเรียนของฉันในเวลาเดียวกัน ฉันสอนให้ศิษย์มีความรู้นั่นถือเป็นหน้าที่หลัก แต่ฉันก็ต้องสอนการแก้ปัญหาและการดำเนินชีวิตในฐานะพ่อแม่เช่นกัน คอยประคับประคองศิษย์ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นซึ่งถือว่าเป็นวัยวิกฤต ผ่านพ้นจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต จนในบางครั้งฉันต้องสอนแม้กระทั่งการรู้จักป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจจะดูไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ที่จะสอนเรื่องพวกนี้กับนักเรียน แต่ฉันก็อย่าปล่อยและละเลยตรงนี้ไปไม่ได้ จึงต้องคอยบอกและสอนนักเรียนของฉันเสมอ เพราะฉันไม่อยากเห็นศิษย์ที่รักของฉันต้องออกจากการเรียนเพราะตั้งครรภ์ก่อนเวลา ฉันไม่อยากเห็นศิษย์ของฉันเป็นโรคร้ายที่มีอยู่ในสังคม ฉันอยากเห็นศิษย์ของฉันประสบความสำเร็จ ฉันเชื่อว่า "ครูไม่ได้เป็นเพียงผู้หล่อหลอมศิษย์ แต่ศิษย์ก็เป็นส่วนสำคัญในการหล่อหลอมครูเช่นกัน"
ไม่มีความเห็น