การนำอภิหปัจจเวกขณ์ ๕ มาใช้ในเรื่องที่ดิน หลังจาก ครม. เห็นชอบแผนที่ Onemap
ข้อมูลจากของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ข่าวนี้
ขอนำมาวิเคราะห์เพิ่มเติม และขอเสนอวิธีทำใจสำหรับเจ้าของที่ดินโดยเฉพาะ ส่วนทับซ้อนในส่วนที่เกินจาก Onemap
28 ก.ย. 2559
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุ หลังประชุมแผนที่ Onemap นัดสุดท้าย เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้ความเห็นชอบแผนที่ ก่อนให้ทุกหน่วยงานไปแก้พระราชบัญญัติแนบท้าย
พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังประชุมการจัดทำโครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 หรือวันแมป ว่า ครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งสุดท้าย โดยที่ประชุมได้อนุมัติแผนที่ที่จัดทำโดยคณะอนุกรรมการจังหวัด อนุกรรมการภาค ซึ่งเป็นแผนที่เดียวที่จะใช้ในพระราชบัญญัติแนบท้ายของ 9 หน่วยงาน ที่มีหน้าที่ดูแลที่ดินของรัฐ ซึ่งประมวลเนื้อที่จากพื้นที่ของรัฐที่แต่ละหน่วยงานระบุว่า หน่วยงานของตนเองเป็นผู้ดูแลกว่า 500 ล้านไร่ เหลือเพียง 212 ล้านไร่ โดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ มีพื้นที่ของทางราชการที่ต้องดูแลมากที่สุด หน่วยงานละกว่า 60 ล้านไร่ โดยปลายเดือนตุลาคมนี้จะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบแผนที่ฉบับดังกล่าว จากนั้น จะมอบหมายให้หน่วยงานทั้งหมดที่ดูแลที่ดินของรัฐไปแก้ไขพระราชบัญญัติแนบท้ายแผนที่
ด้าน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า แผนที่วันแมปฉบับนี้ จะทำให้ทราบว่าพื้นที่ใดอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใด ซึ่งทำให้รัฐสามารถกำหนดกติกาผู้ใช้พื้นที่ได้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการใช้พื้นที่ โดยที่ประชุมให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) จัดทำแอปพลิเคชั้นเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบพื้นที่ที่อยู่อาศัยของตนเองว่าอยู่ในเขตใด และจะเสนอคณะรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการวันเเมปชุดถาวร เพื่อพิจารณาที่ดินสาธารณประโยชน์อีกจำนวนมากที่ไม่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการ
ผู้สื่อข่าว : ศิริศุภา กร่างสะอาด / สวท. ศิริศุภา กร่างสะอาด / สวท.ผู้เรียบเรียง : ศศิธร ภู่จีนาพันธ์ / สวท. ศศิธร ภู่จีนาพันธ์ / สวท.แหล่งที่มา : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
http://thainews.prd.go.th/website_th/news/print_news/WNPOL5909280020008
นำข่าวมาวิเคราะห์ คำนวณ จะพบว่า
ประมวลเนื้อที่จากพื้นที่ของรัฐที่แต่ละหน่วยงานระบุว่า หน่วยงานของตนเองเป็นผู้ดูแล รวมแล้วกว่า 500 ล้านไร่ เหลือเพียง 212 ล้านไร่ เมื่อทำเป็น Onemap แล้วสามารถลดการทับซ้อนของที่ดินลง ทำให้ทราบถึงที่ดินที่หน่วยงานเป็นผู้ดูแลเกินความจริงไปประมาณกว่า 288 ไร่
ปลายเดือนตุลาคมนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบแผนที่ฉบับดังกล่าว จากนั้น จะมอบหมายให้หน่วยงานทั้งหมดที่ดูแลที่ดินของรัฐไปแก้ไขพระราชบัญญัติแนบท้ายแผนที่
ที่ดินที่เกินมาประมาณกว่า 288 ล้านไร่ ตัวเลขน่าจะใกล้เคียงความจริง แล้วเพราะ การทับซ้อนของที่ดินระหว่างหน่วยงาน หรือการทับซ้อนภายในหน่วยงานเอง ไม่ใช่เป็นรูป ขนมชั้นแบบที่เข้าใจกัน
การทับซ้อนเป็นรูป โพดำ โพแดง ข้าวหลามตัด ดอกจิก ซ้อนกันหลายชั้น ผลของการซ้อนกันทำให้ เมื่อวัดขนาดที่ดินโดยเทคโนโลยี่ล่่าสุด แบบบูรณาการแล้ว โดยรวมแล้ว โดยทำเป็นแผนที่ขนาดเดียว 1 : 4000 ปรากฏว่าที่ดินที่ทุกหน่วยงานรวมกันแล้วเกินกว่าที่ดินที่มีอยุ่จริงกว่า 288 ล้านไร่
และในอนาคตจะตรวจสอบพิกัดที่ดินของท่าน จากแผนที่ Onemap ว่าอยู่ในหน่วยงานใดดูแล ได้โดย Application "GPS status & toolbox" ที่สามารถดาว์นโหลดฟรีได้จาก Play store ซึ่งสามารถบอกพิกัด เป็นค่า DD.DDDDDDฺ หรือ ค่า UTM หรือค่าแบบอื่น ๆ ได้มากมาย
และผู้เขียนคิดว่าเมื่อ Onemap ผ่านความเห็นชอบแล้ว ก็น่าที่จะมี Application ที่สามารถตรวจสอบว่า พิกัดที่โทรศัพท์มือถือที่เปิด Location ตัังอยู่ในขณะนั้นอยู่บนพื้นที่ที่หน่วยงานใดดูแล ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตร & สหกรณ์ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ กระทรวงอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถบอกได้ว่า เป็นดินแดนของประเทศไทย เมียนม่า กัมพูชา ลาว มาเลเซียได้ด้วย
ทราบเรื่องนี้แล้วก็ขอให้พิจารณา อภิณหปัจจเวกขณ์ (ข้อที่พึงพิจารณาเนืองๆ ๕ ประการ) เพื่อให้ผู้ที่ครอบครอง ที่ดินทับซ้อนในส่วนที่เกินจาก Onemap จะได้มีจิตใจที่สงบ พร้อมส่งคืนพื้นที่เพื่อประโยชน์โดยรวมแก่บ้านเมืองต่อไป
อภิหปัจจเวกขณ์ ๕
๑. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้
๒. ควรพิจารณาทุกๆ วันว่า เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้
๓. ควรพิจารณาทุกๆ วันว่า เรามีความตายเป็นธรรม ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
๔. ควรพิจารณาทุกๆ วันว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น
๕. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตัว เราทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว
พีระพงศ์ วาระเสน
10 ตุลาคม 2559
ไม่มีความเห็น