เมื่อก่อน เวลาใครพูดถึงการเลี้ยงปลาในนาข้าว ผมจะนึกไม่ค่อยออกว่าจะทำได้อย่างไร โดยเฉพาะเขตนาน้ำฝน ที่มีน้ำไม่แน่นอน แต่เมื่อมาทำเองก็พบทางออกที่สำคัญในหลายประเด็นด้วยกัน แบบเลี้ยงปลา KM ครับ
สิ่งแรกก็คือต้องทำ คือ บ่อเก็บน้ำไว้ให้ปลาได้พักอาศัยในช่วงฝนทิ้ง บ่อเก็บน้ำจะทำหน้าที่รวบรวมน้ำที่มีไม่มากนักในช่วงแรกๆที่ฝนยังไม่พอทำนา ฉะนั้นจึงต้องเป็นบ่อที่เชื่อมระบบการระบายน้ำทั้งแปลงไปรวมในที่เดียวกัน จึงจะทำหน้าที่นี้ได้ดี หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นบ่อที่มีร่องรวบรวมน้ำรอบแปลง แล้วมีจุดลึกๆให้น้ำมารวมกันและลดการระเหย
ผมสังเกตเทียบกันพบว่านาที่มีบ่อ จะเก็บน้ำฝนไว้ได้นานกว่าที่ไม่มีบ่อ นี่เป็นด่านแรกที่จะต้องคิดแก้ไข
ด่านต่อไปก็คือ การทำบ่อไล่ระดับความลึกที่จะให้ปลาอยู่ได้หลากหลาย ทั้งน้ำตื้นน้ำลึก และควรมีไม้ที่เป็นโพรงใส่ใว้ในบ่อให้ปลาบางชนิดอยู่ได้ด้วย
ต่อไปก็ต้องทำน้ำให้เขียว ไม่ขุ่น โดยการใส่วัสดุอินทรีย์ต่างๆให้เกิดแพลงตอนในน้ำ ทำเช่นนี้จะทำให้นาได้ปุ๋ยอินทรีย์ไปพร้อมกัน
ต่อจากนั้นก็หาปลามาปล่อยให้หลากหลายชนิดและขนาดมากที่สุดตามระบบธรรมชาติ จะทำให้ระบบนาเป็นระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ ช่วงน้ำขังในนา ปลาก็จะหากินในนา วางไข่กับกอข้าว พอน้ำแห้งก็จะกลับมาอยู่ในบ่อ อาหารปลาก็ควรใช้วัสดุธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น
การทำเช่นนี้จะทำให้เราต้องงดการใช้สารพิษโดยอัตโนมัติ แล้วนาเราก็จะเริ่มเป็นนาอินทรีย์โดยจำเป็นอย่างเป็นธรรมชาติ
เห็นไหมครับการเลี้ยงปลาในนา ไม่ใช่ได้แค่ปลากับข้าวเท่านั้นนะครับ ยังจะได้ระบบนิเวศน์ดั้งเดิมกลับมาเรื่อยๆ จนเป็นระบบที่เราพึ่งพาได้อย่างครบวงจร และถ้าทำนาแบบไมไถอย่างที่ผมทำได้ผลมาแล้ว จะยิ่งทำให้การเลี้ยงปลาเกิดผลที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งระบบเลยครับ
เชิญเยี่ยมชมผลการเลี้ยงปลาในนาข้าวอินทรีย์ได้ที่นาผมทุกวันครับ ที่หลักกิโลที่ ๒๑/๔๐๐ ถนนเลี่ยงเมืองขอนแก่นสายกาฬสินธุ์-อุดรธานี มีธงชาติ ธงธรรมจักร และธงฉลองครองราชย์ในหลวง ปักอยู่เป็นที่หมายครับ
ชอบความคิดของอาจารย์มากเลยค่ะ แต่ก่อนเคยมีความคิดอยากจะเลี้ยงปลาในนาข้าว แต่มันมีปัญหาว่าน้ำท่วมทุกปี เพราะนาอยู่ติดห้วย ก็เลยยังไม่อยากทำ แล้วถ้าอยากไปชมแปลงเกษตรอินทรีย์ของอาจารย์ สามารถไปชมได้ตลอดเลยใช่ไหมค่ะ หรือว่ามีช่วงเวลา
ผมไปแน่ครับอาจารญื นาผมก็อยู่ใกล้ๆกับอาจารย์ ผมก็อยากทำนาอินทรีย์เหมือนกัน
อาจารย์คะ
สำนักงานเกษตรจังหวัดขอนแก่น กำลังมีแนวคิดจะเสนอกิจกรรมการเลี้ยงปลาในนาข้าว รวมไว้ในโครงการเกษตรผสมผสาน เพื่อของบพัฒนาจังหวัดปี 52 กำลังหา Unit cost ในพื้นที่ 1 ไร่ จะต้องลงทุนในกิจกรรม ซักเท่าไร่ อะไรบ้าง อาจาร์ย์มีข้อมูลมั้ยคะ...
ต้นทุนคือค่า
ทุกอย่างแปรผันมาก กำหนดง่ายๆไม่ได้ ต้องว่าเป็นแต่ละโมเดลไป
ถ้าจะกำหนด ก็ตั้งแต่ ๕๐๐ บาท ขื้นไปเป็นหมื่นบาทต่อไร่ จะคิดง่ายๆก็สัก ๒๐๐๐ บาทก็อาจทำได้ในที่ที่พร้อม ครับ
อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาอย่างไรให้ได้กำไรสูงสุด
กำไรสูงสุด มาจากการพื่งพาธรรมชาติมากที่สุด + เลียนแบบธรรมชาติมากที่สุด
กำไรระยะสั้นอาจไม่มาก แต่จะยั่งยืน และได้กำไรมากในระยะยาว
แต่ถ้าเน้นการใช้สารเคมี อาหารเสริมมากๆ จะได้ผลเร็ว อัตราเสี่ยงสูง อาจได้บ้างในบางครั้ง แต่ระยะยาวจะเสียหายแน่นอน
ลองคิดดูว่าท่านต้องการอะไร แล้วก็ทำตามนั้นครับ
คิดชัดๆ จะได้ผลตามที่ท่านประสงค์ แน่นอน ครับ
ผมสนใจเรื่อง "การเลี้ยงปลาในนาข้าว"มานานแล้วแต่ผมยังไม่มีความรู้ไม่มีข้อมูลทางด้านนี้เท่าใดนัก จะรบกวนมากไปไม๊ครับถ้าผมขออนุญาติไปเรียนรู้ดูงานในพื้นจริงของท่านครับ
ขอขอบคุุณครับ
ด้วยความยินดีครับ
โทรติดต่อมาก่อนนะครับ
เลี้ยงไก่ไว้กลางนาคิดว่าเป็นยังไงครับ พอไปได้ไหมครับ (ยกเล้าสูง)เลี้ยงจำนวนไม่เยอะพอได้กินได้ขาย
ผมนี้มีที่เหลืออยู่3.2ไร่แบ่งเป็นนา3ไร่เป็นสระ2งานลึกประมาณ2.5เมตรตอนนี้ทำนาด้วยสารเคมีอยู่จะลองทำตามแบบของอาจารย์ครับได้ผลอย่างไรจะส่งเมลมาให้อาจารย์ดูผมจะลงมือทำในเดือนธันวาคม 51นี้ครับ หากอาจารย์มีอะไรชี้แนะต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
ผมทำอาชีพรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ จ. พิษณุโลก มีที่ทำนา 5 ไร่ ปัจจุบันทำนาแบบเคมี แต่ผมต้องการทำแบบธรรมชาติหาข้อมูลไว้มากแต่อยากไปดูนาของอาจารย์ เพราะดูของจริงน่าจะคิดอะไรได้มากกว่า จะโทรติดต่อเบอร์อะไรครับ ขอบคุณครับ
ที่ใกล้ๆ แถวพิษณุโลกก็น่าจะมี ไม่อยากให้เสียเวลามา
๕ ไร่กำลังดี สำหรับครอบครัวไม่เกิน ๑๐ คน ทำง่าย ได้สัก ๓ ตันขึ้นไป ก็แจกและกินได้เป็นปี
ผมเสียดาย ที่ผมมีมากไป ๒๐ ไร่ ทำคนเดียวกว่าจะคุมหญ้าได้เสียเวลานาน
สำคัญคือคุมหญ้าให้ได้ อย่าใช้สารเคมี อย่าไถ ใช้้น้ำนี่แหละดีที่สุด เสริมด้วยแรงคนนิดหน่อย
นากับคันนาอย่าให้ติดกัน
ขยันไปนา หญ้าจะกลัวเรา และยอมเป็นลูกน้องเราครับ
ลองไปอ่านดู แล้วเราก็จะสั่งได้
อย่าให้หญ้าเป็นเจ้านายเราเท่านั้นพอ
เพราะเขาจะสั่งเรา เราจะมีปัญหาง่ายมาก แล้วเราก็จะไปพึ่งการไถ พึ่งเคมี ไปกันใหญ่ จบยาก ทำยาก ถอยยาก
เพราะเข้าไปในวงจรอุบาทว์ของระบบการทำลายทรัพยากร แล้วก็ย้อนมาทำลายตัวเอง
นี่คือวิบากกรรมของของคนไทยส่วนใหญ่ที่ใช้ความรู้ผิดชุด จนบางคนคิดว่าความรู้มีอยู่ชุดเดียว
เมื่อมีโอกาสให้รีบคิด แล้วจะคิดได้ แล้วก็อาจจะหนีได้ทัน
ขอให้โชคดีครับ
เนื้อหาดีมากครับ
แนวคิดอาจารย์โดนใจผมจังเลย
ด้วยความยินดีครับ