ความรู้และการสะสมจากประสบการณ์..นวดแผนไทยในกรุงปราก


การนวดไทยหรือนวดแผนโบราณ เป็นการนวด ชนิดหนึ่งในแบบไทยซึ่งเป็นศาสตร์บำบัดและรักษาโรค

การนวดไทย (Massage Thailand) เป็นทั้งศาสตร์และศิลปะที่มีมาแต่โบราณ เกิดจากสัญชาตญาณเบื้องต้นของการอยู่รอด เมื่อมีอาการปวดเมื่อย หรือเจ็บป่วยตนเอง หรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงมักจะลูบไล้บีบนวดบริเวณดังกล่าว ทำให้อาการปวดเมื่อยลดลง .... เริ่มแรกๆ ก็เป็นไปโดยมิได้ตั้งใจ ต่อมาเริ่มสังเกตเห็นผลของการบีบนวดในบางจุด หรือ บางวิธีที่ได้ผล ... จึงเก็บไว้เป็น... ประสบการณ์ และ กลายเป็นความรู้ที่สืบทอดกันต่อๆ มา ... จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ความรู้ที่ได้จึงสะสมจากลักษณะง่ายๆ ไปสู่ความสลับซับซ้อน .... จนสามารถสร้างเป็นทฤษฎีการนวด .... จึงกลายมาเป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง...ที่มีบทบาทบำบัดรักษาอาการและโรคบางอย่างได้นะคะ

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่... บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการนวดไทย ที่เก่าแก่ที่สุด คือ ศิลาจารึก สมัยสุโขทัยที่ขุดพบในป่ามะม่วง ซึ่งตรงกับสมัย พ่อขุนรามคำแหง ซึ่งได้จารึกรูปการรักษาโรคด้วยการนวดไว้

ต่อมาในสมัยอยุธยามีหลักฐานที่ปรากฏอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการนวดไทยในปี พ.ศ. 1998 ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งหน้าที่ของแพทย์ตามความชำนาญเฉพาะทาง โดยแยกเป็นกรมต่างๆ เช่น กรมแพทยา กรมหมอยา กรมหมอกุมาร กรมหมอนวด กรมหมอตา กรมหมอวัณโรค โรงพระโอสถ นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดศักดินาและดำรงยศตำแหน่งเป็น หลวง ขุนหมื่น พัน และครอบครองที่นาตามยศและศักดินาที่ดำรง ซึ่งปรากฏอยู่ในกฎหมาย "นาพลเรือน" ต่อมาในรัชสมัยของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นยุคที่การนวดไทยรุ่งเรืองมาก โดยปรากฏในจดหมายเหตุของราชทูตจากประเทศฝรั่งเศส ชื่อ ลา ลู แบร์ ในปีพ.ศ. 2230 ว่า

"ณ. กรุงสยามนั้น ถ้าใครป่วยไข้ลง ก็จะเริ่มทำเส้นสายยืด โดยให้ "ผู้ชำนาญทาง" นี้ขึ้นไปบนร่างกายของคนไข้ แล้วใช้เท้าเหยียบ "

ต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ราว พ.ศ. 2449 ทรงให้กรมหมื่นภูบดีราชหฤทัย กรมหมื่นอักษรสาสน์โสภณและหลวงสารประเสริฐ ได้ชำระตำราการนวดแผนไทย และเรียกตำราฉบับนี้ว่า “ตำราแผนนวดฉบับหลวง” ตำรานวดนี้ใช้เรียนในหมู่แพทย์หลวง หรือ แพทย์ในพระราชสำนัก และในในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ผู้ที่มีชื่อเสียงมากในการนวดในขณะนั้นคือ หมออินเทวดา ซึ่งเป็นหมอนวดในราชสำนัก ... ได้ถ่ายทอดวิชานวดทั้งหมดให้แก่บุตรชายคือ หมอชิต เดชพันธ์ ซึ่งต่อมาได้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ลูกศิษย์ ความรู้เกี่ยวกับการนวดแผนโบราณนั้นเริ่มแพร่หลายและเปิดกว้างสำหรับบุคคลทั่วไป เมื่อประมาณ 30 ปีมานี้ต่อมา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ราว พ.ศ. 2375 ทรงให้ วัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ในปัจจุบัน) ... เป็นมหาวิทยาลัยของปวงชน ทรงให้เลือกสรรและปรับปรุง ตำรายาสมุนไพรรอบพระอาราม และทรงโปรดให้ปั้นรูปฤๅษีดัดตนซึ่งเป็นรูปหล่อด้วยสังกะสีผสมดีบุก เพิ่มเติม จนครบ 80 ท่า พร้อมโปรดให้เขียนโคลงอธิบายท่าเหล่านั้น แก้โรคนั้น จนครบ ๘๐ ท่า และ จารึกสรรพวิชาการนวดไทยลงบนแผ่นหินอ่อน 60 ภาพ แสดงถึงจุดนวดอย่างละเอียดประดับบนผนังศาลาราย และบนเสาภายในวัดโพธิ์ ถือได้ว่าเป็นการรวบรวมองค์ความรู้ด้านการนวดไทยไว้อย่างเป็นระบบ

การนวดไทย หรือ นวดแผนโบราณ เป็นการนวด ชนิดหนึ่งในแบบไทย ซึ่งเป็นศาสตร์บำบัดและรักษาโรค แขนงหนึ่งของ การแพทย์แผนไทย โดยจะเน้นในลักษณะการกด การคลึง การบีบ การดัด การดึง และการอบ ประคบ ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ "นวดแผนโบราณ" โดยมีหลักฐานว่านวดแผนไทยนั้น มีประวัติมาจาก ประเทศอินเดีย โดยเชื่อว่าน่าจะมีการนำการนวดเข้ามาพร้อมกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และมีการนำเข้ามาในประเทศไทย เมื่อใดนั้นไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน ... จากนั้นได้ถูกพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขให้เข้ากันกับ วัฒนธรรมของสังคมไทย ... จนเป็นรูปแบบแผนที่เป็นมาตรฐานของไทยและส่งทอดมาจนถึงปัจจุบัน




แผนผังการกดจุดต่างๆ ในร่างกาย ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือวัดโพธิ์


การนวดไทย แบ่งเป็น 2 สาย คือ สายราชสำนักและ สายเชลยศักดิ์

  • การนวดแบบราชสำนัก ... เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของการนวดนี้คือ เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ที่อยู่ในรั้วในวัง ฉะนั้นการนวดจึงถูกออกแบบที่เน้นการใช้นิ้วมือและมือเท่านั้น และท่วงท่าที่ใช้ในการนวดมีความสุภาพเรียบร้อย มีข้อกำหนดในการเรียนมากมาย ผู้ที่เชี่ยวชาญทางวิชาชีพด้านนี้ จะได้ทำงานอยู่ในรั้วในวังเป็นหมอหลวง มีเงินเดือนมียศมีตำแหน่ง
  • การนวดแบบเชลยศักดิ์ ... เป็นการนวดที่ใช้ในระดับชาวบ้านด้วยท่าทางทั่วไป ไม่มีแบบแผน หรือ พิธีรีตองในการนวดมากนัก อีกทั้งยังสามารถใช้อวัยวะอื่นๆ เช่น เข่า ศอก เท้า เพื่อช่วยทุ่นแรงในการนวดได้ ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากการนวดแบบราชสำนักที่เน้นการใช้มือเพียงอย่างเดียว

ขอบคุณ ข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki
















สรุปได้ว่า ... เดินในกรุงปรากยามค่ำคืน เดินไป เดินมา ... ในบริเวณเขตเมืองเก่า (Old Town) ... ได้พบคนไทยที่ไปทำงาน "การนวดไทย" ที่นั้น ค่ะ .... ผู้เขียนได้คุยกับน้องๆ ว่า...มีความเป็นอยู่กันอย่างไร? เหนื่อยไหม?...มีความสุขไหม?...คิดถึงบ้านไหม?... มาจากจังหวัดไหนกันบ้าง? ... ได้กลับเมืองไทยบ้างไหม? ... ได้ค่าแรงเท่าไหร่? ... ดีกว่าทำงานนี้ที่บ้านเราไหม? ... ที่สำคัญมีเงินเหลือเก็บไหม? ค่ะ .... น้องๆ เขาดีใจนะคะ ... ที่เจอคนไทยด้วยกันนะคะ


ขอบคุณค่ะ

19 กันยายน 2559


หมายเลขบันทึก: 614991เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2016 15:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน 2016 16:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ได้ความรู้ตั้งแต่ตอนต้นเรื่องนวดเลย

ขอบคุณมากๆ

ดูแล้วครอบครัวอบอุ่นนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท