เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2559 นายนิพนธ์ บุญญามณี นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กล่าวรายงานในโครงการ เปิดโลกท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชมพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด โดยมี นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีบวงสรวง และเปิดพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และเปิดให้บริการลิฟท์ พร้อมด้วย นายอำเภอสะทิงพระ นายก อบต.ชุมพล คณะผู้บริหาร ผู้อำนวยการกอง ปลัด อบจ.สงขลา นายกสมาคมมัคคุเทศน์ ผู้กำกับ สภ.สะทิงพระ สมาชิกสภาอบจ.สงขลา และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมในพิธี
ทั้งนี้ อบจ.สงขลา ภายใต้การนำของ นายนิพนธ์ บุญญามณี เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาท้องถิ่น ในด้านการบริการในเชิงวัฒนธรรม และท่องเที่ยว รวมไปถึงการอนุรักษ์ และรักษามรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ด้านองค์ความรู้ ให้คุณค่าแก่สังคม และเป็นการยกระดับการให้บริการด้านการท่องเที่ยว สู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งต้องเป็นเรื่องของท้องถิ่นที่จะต้องบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้มีศักยภาพในการรองรับการขยายตัวทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ซึ่งวัดพะโคะ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและเป็นมรดกของประชาชนในจังหวัดสงขลา โดยทาง อบจ.สงขลาได้จัดให้มีลิฟท์ขนส่งบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ตลอดจนถึงผู้สูงอายุจะได้สักการะบูชาพระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ อีกทั้งจัดให้มีพิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นศูนย์รวมเรื่องราวทางวัฒนธรรม ก่อให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในแหล่งท่องเที่ยว ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และรักษาไว้ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ตามอำนาจหน้าที่ในการจัดระบบบริการสาธารณะที่บัญญัติไว้
ด้านนายอนุชิต ตระกูลมุตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาท้องถิ่น ในด้านบริการและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพราะปัจจุบันสังคมไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของศิลปวัฒนธรรม รวมถึงมรดกทางวัฒนธรรมพื้นบ้านเพิ่มมากขึ้น การตื่นตัวต่อวัฒนธรรม ประกอบกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมของในแต่ละพื้นที่ จึงเป็นจุดกำเนิด ของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ทั้งนี้การจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ดี ไม่ควรที่จะมองมรดกทางวัฒนธรรม หรือแหล่งท่องเที่ยวเป็นเพียงแค่สินค้าที่นำรายได้สู่ประเทศ หากแต่ควรมองแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว ให้เสมือนมรดกส่วนร่วมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และรักษาไว้ให้คงอยู่
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางการแข่งขันของตลาดการท่องเที่ยวที่สูงขึ้น กระแสพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จึงได้รับความสนใจเพิ่มสูงขึ้น การรักษาไว้ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรม อันเป็นประโยชน์ด้านองค์ความรู้ ให้คุณค่าแก่สังคมในขณะเดียวกันการพัฒนายกระดับการให้บริการด้านการท่องเที่ยว จะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและรายได้ของชุมชน ดังนั้นการจัดหาแนวทางการจัดการด้านการท่องเที่ยวจึงเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นหน้าที่ของท้องถิ่นที่จะต้องบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้มีศักยภาพเพียงพอ รองรับการขยายตัวทางสังคม และเศรษฐกิจของประเทศได้ในอนาคต
วัดพะโค๊ะ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นมรดกของพี่น้องชาวสงขลา เป็นศูนย์รวมเรื่องราวทางวัฒนธรรม
