อุโมงค์มอเก่า หรือ อุโมงค์อาถรรพ์
ที่ตั้ง : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขตพื้นที่ในเมือง ทางเชื่อมลอดใต้ถนนระหว่างตึกวัฒนธรรม ศึกษาศาสตร์ กับ เขตมหาวิทยาลัย
จากคำบอกเล่า ว่า อุโมงค์ ม.เก่า สร้างขึ้นเพื่อให้ คนเดินลอดข้ามฝั่ง ได้ปลอดภัยคับ เพราะเมื่อก่อน โรงเรียนสาธิต ตั้งอยู่ที่ตึกหน้า อุโมงค์พอดี พระประธาน ก้อตั้งอยู่หน้าอุโมงค์ ( ขึ้นมาแล้วเห็นเลย ทุกวันนี้ฐานพระประธานก้อยังคงตั้งอยู่นั่น ลองไปดูได้ ) เวลา ผู้ปกครองมาส่งลูกหลาน ทั้งตัวผู้ปกครองเอง และเด็กนักเรียนเอง ถูกรถชน ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตบ่อยครั้ง ทั้ง นิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามเอง ที่จะข้ามไปเรียน ระหว่างตึก ก็เช่นเดียวกัน ทางมหาวิทยาลัยมหาสารคามจึงได้สร้างอุโมงค์สังเกต ว่าจะมีบันได ให้คนเดินด้วย บางคนไม่รู้ ก็มั่วว่า มันเป็นทางน้ำเก่า เหอะๆ เมื่อมีคนเสียชีวิตที่ บริเวรนั้นบ่อย จึงไม่แปลกที่จะมีอะไรคอยโผล่มาให้เห็น เหตุของความเฮี้ยนอุโมงค์มอเก่า เมื่อก่อนสิบกว่าปีตอนที่ช็อปปั้นของศิลปกรรมยังอยู่ที่มอเก่า ตอนที่กำลังสร้างอุโมงค์ เจ้าหน้าที่ขุดทางเป็นช่องแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดถนนด้านบน(ลักษณะเหมือนถนนขาด) มีมอเตอร์ไซค์ขับมาเร็วมาก เบรคไม่ทัน ตกลงไปคอหักตาย รุ่นพี่วิ่งไปดูเห็นกับตา ตายคาที่ อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ประมาณปี 2553 มีเหตุนิสิตหญิงคณะการบัญชีและการจัดการ ประสบอุบัติเหตุสองคนรู้สึกว่าถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นพี่น้องกัน ขี่มอเตอร์ไชต์มาจากทางวิทยาลัยพลศึกษามาถึงตรง ยูเทิร์น หน้ามอเก่ามีรถยนต์มาขับมาด้วยความเร็วยูเทิร์นรถพอดีและด้วยความที่ไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับสองพี่น้องนั้นอย่างแรง คนแรกเสียชีวิตทันที คนที่สองเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลเวลาผ่านไปประมาณ 2 เดือน
เนื่องจากเพื่อนผมเรียนที่ราชภัฎและพักอยู่ที่หอตักศิลา วันนั้นทำกิจกรรมเลิกประมาณ 5 ทุ่ม จำเป็นที่จะต้องลอดอุโมงค์เพื่อข้ามไปอีกฝั่งเพราะไม่อยากไปกลับรถ แต่เมื่อขี่มอไซด์ลงไปยังอุโมงค์ก็มองเห็นเหมือนเงาหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่อีกฝั่งของอุโมงค์ (แต่ตอนนั้นขี่มาถึงกลางอุโมงค์แล้ว) เพื่อนผมเรยเปิดไฟสูงใส่เพราะนึกว่าเป็นนิสิตที่พึ่งทำกิจกรรมเสร็จเหมือนกันจะอาสาไปส่ง แต่ปรากฎว่าเมื่อเปิดไฟสูงใส่กับมองไม่เห็นใคร มีเพียงแต่เสียงหมาที่หน้าคณะบัญชีส่งเสียงเห่าหอนเสียงดัง มันเลยรีบบิดมอเตอร์ไซด์กลับอย่างเร็วหลังจากนั้นมันก็ไม่ยอมลอดอุโมงค์อีกเลย พอไปเล่าให้น้ายามฟัง เค้าบอกว่าเค้าคงไม่มีที่ไปคงจะวนเวียนอยู่แถวๆๆนี้แหละ และเหตุการณ์สุดท้ายที่ต้องทำให้ อุโมงค์นี้ถูกปิดไปพักใหญ่คือเหตุการณ์ที่มีนิสิตหญิง ถูกฆ่าปาดคอใต้อุโมงค์ เมื่อประมาณปี 2554 ขณะนั้นมีเสียล่ำลือกันถึงเงาผู้หญิงใต้อุโมงค์กันเป็นจำนวนมาก เป็นหญิงสาวที่วิญญาณยังคงวนเวียนอยู่บริเวณนั้นเพื่ออยากจะบอกกับคนที่ผ่านไปผ่านมาว่าเธอยังอยู่ที่นี้ มหาวิทยาลัยจึงต้องปิดปรับปรุงอุโมงค์นี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ซ่อมแซมอุโมงค์ ทั้งๆที่ อุโมงค์นี้ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลย ความเฮี้ยนถูกเล่าต่อกันมารุ่นต่อรุ่นจงเป็นที่ติดปากกันว่า " อุโมงค์อาถรรพ์ " เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในมหาวิทยาลัยมหาสารคามเขตพื้นที่ในเมือง ที่มีความเฮี้ยนมากที่สุดก็ว่าได้
ขอดวงวิญญาณทุกดวงจงไปสู่สุขคติ
เครดิต : Santirat Phoodai
ทุกๆ ที่มีเรื่องเล่าเสมอครับ
เป็นสีสัน และความรู้ไปในตัว
เดิมฝั่งคณะศึกษาศาสตรร์ ก่อนถึงทางลงอุโมงเป็นสนามหญ้าร่มรื่น มีต้นพุทธาอยู่ตรงนั้น มีซุ้มเฟื่องฟ้าเล้กๆ