โครงงานที่โรงเรียนเทศบาลบูรพาพิทยาคารส่งมาชื่อ "ไข่อะไรทำไข่เค็มได้เจ๋งสุด" เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเรียนของนักเรียนชั้น อนุบาล ๓/๑ ครูประชั้นคือ ครูภัคควลัณชญ์ สาระลัย เป็นโครงงานที่ผมขอเรียกว่า "โครงงานผลิตและทดลอง" เพื่อให้ต่างจาก "โครงงานประดิษฐ์" ซึ่งแตกต่างกันที่จุดเน้น ที่แบบแรกเน้นเรื่อง "การผลิตและคิดวิเคราะห์" ส่วนอันหลังเน้น "การออกแบบประดิษฐ์และการคิดสร้างสรรค์"
อะไร อย่างไร นานแค่ไหน เด็กได้อะไร
ครูพาเด็ก ๆ ทำไข่เค็มด้วยไข่ ๓ ชนิด (ตัวแปรต้น) ได้แก่ ไข่เป็ด ไข่ไก่ และไข่นกกระทา แล้วให้เด็กทดลองชิม แล้วลงความเห็นว่า ไข่ชนิดใดรสชาติดีที่สุด (คำว่า "เจ๋ง" ในชื่อโครงงานคือ "รสชาติดี" เด็กชอบที่สุด) ความเค็มของไข่คือตัวแปรตาม
ผมตีความว่า ครูต้องการจะสอนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ให้นักเรียนเป็นหลัก เพราะนอกจากจะกำหนดชนิดของไข่เป็นตัวแปรต้นแล้ว ครูยังออกแบบให้เด็ก ๆ นำไข่ดองออกมาต้มและชิมทุกสัปดาห์ ติดต่อกันถึง ๓ สัปดาห์ และให้เด็กๆ ได้วาดภาพลงในใบงาน (แบบบันทึกข้อมูล) ทุกขั้นตอนของการทดลอง ซึ่งมี ๖ ขั้นตอน ได้แก่ ให้วาดภาพบอกวิธีการเก็บไข่ไว้กินนาน -> วาดไข่ชนิดต่างๆที่สามารถนำทำไข่เค็มได้บ้าง -> ให้วาดภาพอุปกรณ์การทำไข่เค็ม -> วาดภาพขั้นตอนการทำไข่เค็ม -> วาดภาพไข่เค็มในขวดโหลทั้ง ๓ ชนิด -> ให้ทำรูปหัวใจไว้ที่ไข่ชนิดที่ชื่นชอบรสชาติที่สุด
นอกจากจะได้เรียนรู้จากการทดลองแล้ว นักเรียนคงจะชอบมาก เพราะได้กิน ชิมไข่ และได้ตัดสินใจด้วยตนเองว่า ไข่ใบไหนอร่อยที่สุด
ผลการประเมินตามเกณฑ์วัฏจักรนักวิทย์น้อย (ดาวน์โหลดเกณฑ์ได้ที่นี่)
ผมจะเขียนผลการประเมินเป็นข้อ ๆ เพื่อให้เห็นเหตุและผลของการให้คะแนนในแต่ละข้อของเกณฑ์ประเมินตามความเห็นเมื่อพิจารณาจากหลักฐานทั้งที่ได้อ่านจากเล่มและทั้งจากที่ได้ฟังการนำเสนอเมื่อครั้งไปลงพื้นที่โรงเรียน
๑) เป็นโครงงานหรือไม่
วิธีให้คะแนนข้อนี้ เกณฑ์กำหนดให้ดูว่ามีวัฏจักรวิจัย ๖ ขั้นตอนและต่อเนื่องเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่ให้หยุดตรวจ ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ ถ้าใช่... ให้ ๑ คะแนน และหากครบกระบวนต่อเนื่องมากกว่า ๒ วงรอบ ให้ ๓ คะแนน
โครงงานนี้ผมให้คะแนน ๑ คะแนน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ถือเป็นโครงงานทดลอง มีการฝึกทักษะตามวัฏจักรนักวิทย์น้อยครบถ้วนทั้ง ๖ ขั้นตอน ๑ วงรอบ ดังนี้
สาเหตุที่ผมไม่ได้ ๓ คะแนน เนื่องจาก แม้ขั้นตอนพิสูจน์ฯ อธิบาย และบันทึก จะวนซ้ำอย่างน้อย ๓ รอบ แต่สองขั้นตอนแรกนั้นทำเพียงครั้งเดียว ครับ
๒) ที่มาของคำถามในการทำโครงงาน
เกณฑ์กำหนดว่า ถ้าเกิดจาครู ๑ คะแนน ถ้าเป็นเด็กและครูช่วยกันตั้งคำถาม ได้ ๒ คะแนน และถ้าเป็นเด็กตั้งคำถามเอง จะได้ ๓ คะแนน
ผมให้ ๑ คะแนนครับ ครูเป็นคนคิดและนำเอากิจกรรมการเรียนการสอนมาจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยโครงงานสำรวจ ถือเป็นโครงใหญ่ (เด็กทั้งห้อง) ที่ครูต้องการปลูกฝังทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้เด็ก ๆ
๓) การะบวนการในการสำรวจตรวจสอ
เกณฑข้อนี้มี ๒ ข้อย่อย ๑) ดูที่ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบกระบวนการสำรวจตรวจสอบ ถ้าครูคิดให้ ๑ คะแนน เด็กและครูร่วมกันให้ ๒ คะแนน และถ้าเป็นเด็กคิดให้ ๓ คะแนน
ข้อนี้ผมให้ ๑ คะแนน เช่นกันครับ ครูเป็นคนพาคิด พาทำ ....ผมคิดว่าเป็นเพราะเจตนาของครูที่ต้องการฝึกเชิงสาธิตมากกว่า เพื่อสร้างพื้นฐานของการทำโครงงานด้วยตนเองต่อไป
เกณฑ์ข้อย่อย ๒) เด็กทำเองหรือไม่ ถ้าใช่!! ให้ ๓ คะแนน ถ้าเด็กมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมได้ ๒ คะแนน และถ้าครูพานำทำตลอด จะได้ ๑ คะแนน
<p “=”“>ข้อนี้ผมให้ ๒ คะแนนครับ จากที่คุณครูได้ตั้งคำถามให้เด็ก ๆ ได้มีส่วนร่วมในการเลือกชนิดของไข่ที่จะมาทำไข่เค็ม </p>
๔) การรายงานผลและการบันทึกการสำราวจตรวจสอบ
เกณฑ์บอกว่า มีการบันทึกหรือไม่? ถ้ามี ให้ดูต่อว่าสอดคล้องกับสมมติฐานหรือไม่ ถ้าใช่ ให้ ๒ คะแนน ถ้าไมสอดคล้องให้ ๑ คะแนน ถ้าไม่มีการบันทึกให้ไม่ให้คะแนน
ข้อนี้ ๒ คะแนนแน่นอนครับ
๕) การสรุปและอภิปรายผลการตรวจสอบ
ข้อย่อย ๕.๑) เกณฑ์กำหนดว่า ถ้าสิ่งที่สรุปสอดคล้องกับคำถามและผลการสำรวจให้ ๑ คะแนน ถ้าไม่ให้ ๐ คะแนน ส่วนข้อย่อย ๕.๒) ถามว่าใครเป็นนสรุป ถ้าเป็นครูให้ ๐ คะแนน เด็กต้องมีส่วนร่วมในการสรุป ถึงจะได้ ๑ คะแนน
ข้อ ๕.๑) ให้ ๑ คะแนน และ ๕.๒) ให้ ๑ คะแนนครับ เด็กได้มีส่วร่วมตลอดทุกกิจกรรม
๖) การส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เกณฑ์กำหนดว่า ถ้าเด็กได้ฝึกการสังเกต การวัด การจำแนก การเปรียบเทียบการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา การคำนวณ การจัดกระทำกับข้อมูลและสื่อความหมายข้อมูล การลงความเห็นจากข้อมูลการพยากรณ์ ฯลฯ เหล่านี้ อย่างน้อย ๔ ทักษะขึ้นไป ให้ ๓ คะแนน ถ้า ๓ ทักษะให้ ๒ คะแนน และถ้า ๒ ทักษะให้ ๑ คะแนน
ข้อนี้ได้ไป ๓ คะแนนครับ ได้แก่ สังเกต เปรียบเทียบ การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา (จากการสังเกตและวาดรูปไข่ต่างขนาด และการเปลี่ยนแปลงในแต่ละสัปดาห์) และการลงความเห็นจากข้อมูล
๗ การส่งเสริมพัฒนาการหรือทักษะด้านอื่นๆ
เกณฑ์ข้อนี้ส่งเสริมการบูรณาการวัฏจักรนักวิทย์น้อยกับการฝึกทักษะด้านอื่นๆ เช่น ด้านภาษาและการสื่อสาร ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้านสังคมเช่นการทำงานร่วมกัน ด้านการเคลื่อนไหวหรือฝึกร่างกายให้กล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ให้แข็งแรง หรือ ด้านอารมณ์และจิตใจให้เด็ก ๆ มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ทักษะชีวิต ฯลฯ โดยกำหนดว่า ถ้ามี ๔ ด้าน ขึ้นไปให้ ๓ คะแนน ถ้ามี ๓ ด้านให้ ๒ คะแนน ถ้ามี ๒ ด้านให้ ๑ คะแนน
ข้อนี้ให้ ๓ คะแนนครับ ได้แก่ ด้านการสื่อสาร ด้านการเรียนรู้ เช่น การคิดวิเคราะห์ เปรียบเทียบด้านการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อมัดเล็กจากการปกไข่ ฯลฯ ได้ทักษะชีวิต และด้านอารมณ์จิตใจ
๘) ความริเริ่มสร้างสรรค์ของโครงงาน
โครงงานมีความแปลใหม่หรือไม่ ถ้าคัดลอกหรือปรับเปลี่ยนโครงงานจากผู้อื่นโดยไม่ได้ทำจริง ให้ปรับตก แต่ถ้านำหัวเรื่องคนอื่นมาทำเองให้ ๑ คะแนน ถ้าครูและเด็กริเริ่มขึ้น ให้ ๒ คะแนน แต่ถ้าเป็นโครงงานที่แปลกใหม่จริงๆ ให้ ๓ คะแนน
ข้อนี้ผมให้ ๑ คะแนน ครับ
สรุปผลการประเมิน
สรุปทั้ง ๘ ข้อ โครงงานนี้ได้คะแนนรวม ๑๕ คะแนน ผ่านเกณฑ์ประเมิน เหมาะสมที่ได้รับตราพระราชทานครับ
จบเท่านี้ครับ ... สู้ครับ
ไม่มีความเห็น