เราไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ตาม


เราไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ตามโดยธรรมชาติ แต่เราทำเราเองให้เป็นผู้ตาม

"ทำไมพ่อแม่ชอบสอนลูกว่า อย่าตามเพื่อน (ที่ไม่ดี)นะ แต่ไม่เคยบอกให้ลูกช่วยดึงเพื่อน (ที่กำลังจะทำไม่ดี) ให้กลับมา”

อย่างที่เราเคยทราบกันดีว่า กว่าคนเราจะเกิดมาเป็นคนๆหนึ่งได้นั้น นับจากที่พ่อและแม่ได้แสดงความรักต่อกันอย่างถึงที่สุด พวกเราที่ตอนนั้นกำลังเป็นสิ่งกำเนิดชีวิตที่มาจากส่วนพ่อ ที่เรียกว่าสเปิร์มต่างวิ่งแข่งกันกับญาติๆ หรือเพื่อนๆ เป็นล้านๆ ตัวเพื่อเป็นตัวแรกที่เข้าถึงไข่ของผู้เป็นแม่เป้าหมายที่มีเพียงหนึ่งเดียว จนในที่สุดก็ได้ผู้ชนะที่ได้ปฏิสนธิเกิดมาเป็นตัวเรา นั่นหมายความว่าเราทุกคนที่มีแขนขา มีหัว มีหู จมูก ปาก มีหัวใจ มีสมอง ได้ถูกคัดสรร คัดเลือกให้ได้ไปต่อในด่านต่อไป คือโลกแห่งการใช้ชีวิตที่ก่อกำเนิดมาให้อยู่รอดปลอดภัยในโลก แต่เกมส์แห่งชีวิตก็ต้องแข่งกันต่อในรอบต่อไป กับอีกหลายหมื่น แสน ล้านคนเช่นกันที่ต่างผ่านเข้ามาในรอบนี้

เพราะฉะนั้นเราๆ ท่าน ๆ ที่เห็นหน้ากันอยู่นี่ต่างเป็นผู้นำ ผู้ชนะมาตั้งแต่เกิด แต่นั่นเป็นสเต็ปแรกที่ครึ่งหนึ่งคือความสามารถในการวิ่งแข่ง แต่ครึ่งหนึ่งคือธรรมชาติที่กำหนดมาแบบนั้น แต่พอหลังจากเกิดมาเป็นคน การศึกษา เรียนรู้ ฝึกฝน คือทักษะที่จะทำให้คนเราเริ่มมีความแตกต่างกัน พรสวรรค์ที่เหมือนติดตัวมาแต่กำเนิด ที่ยากที่จะอธิบายว่าทำไมแต่ละคนถึงไม่เท่ากันในแต่ละเรื่อง หรือเป็นผลบุญแต่ชาติปางก่อน แต่หลังๆ มาเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่า พรแสวง หรือความสามารถ ความเป็นเลิศที่เกิดได้จากการฝึกฝน การพัฒนาทักษะ การเรียนรู้ นั่นเอง

เราเคยสังเกตมั้ยว่า ตอนเป็นเด็ก พฤติกรรมต่างๆ จากการแสดงออก การละเล่นที่มาจากความไร้เดียงสา ยังไม่ชัดเจนว่าแต่ละคนมีบุคลิกเป็นแบบไหนเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีความเป็นผู้นำ ชอบเป็นผู้ตาม ชอบแสดงออก ชอบเก็บตัว ชอบความตื่นเต้น เสี่ยงท้าทาย หรือชอบแบบเรียบง่าย ปลอดภัยไว้ก่อน ทั้งหมดนี้ล้วนมีอิทธิพลจากการซึมซับ การเรียนรู้ตลอดช่วงที่เติบใหญ่ขึ้นมา ทั้งจากการอบรมสั่งสอนจากครอบครัว จากโรงเรียน และจากสังคม สิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมมา

ทีนี้ย้อนประเด็นหัวข้อ “ทำไมพ่อแม่ชอบสอนลูกว่า อย่าตามเพื่อน (ที่ไม่ดี)นะแต่ไม่เคยบอกให้ลูกช่วยดึงเพื่อน (ที่กำลังจะทำไม่ดี) ให้กลับมา” เกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าคงเคยได้ยิน หรืออาจจะเคยได้เคยสอน เตือนลูกด้วยตัวเองว่า “อย่าตามเพื่อน อย่าทำอย่างเพื่อน อย่างเลียนแบบเพื่อน (ที่ไม่ดี) ถือเป็นการอบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี ทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าหลงการชักนำของเพื่อนในทางที่ไม่ดี นั่นหมายความว่าในเพื่อนกลุ่มเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ส่วนหนึ่งกำลังชักนำเพื่อนๆ ซึ่งอาจหมายถึงลูกของเราไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง และทุกครั้งถ้าเกิดอะไรขึ้นมาในทางที่ไม่ดี ผู้ปกครองมักจะโทษเพื่อนของลูกเป็นสิ่งแรก ว่าที่ลูกเป็นเช่นนี้เพราะเพื่อนชักนำ ส่วนลูกตัวเองดีอย่างนั้น อย่างนี้ ได้อบรมสั่งสอนอยู่เป็นประจำ แต่อย่างลืมว่าช่วงเวลาหนึ่งวันเด็กจะใช้เวลากับเพื่อนทั้งในเวลาเล่น เวลาเรียนมากกว่า พ่อแม่ ซึ่งในช่วงเช้า และเย็น ยิ่งผู้ครองบางคนมีเวลาน้อย ฉะนั้นความเป็นไปได้ที่คำพูดให้ทำสิ่งดีๆ ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่อาจต้านทานกับช่วงเวลาที่ยาวนานกว่าในการชี้นำของความเป็นเพื่อน และต้องไม่ลืมด้วยว่าเพื่อนนั้นมีอิทธิพลต่อเพื่อนมากแค่ไหน

เพราะฉะนั้น แทนที่จะตั้งรับ คอยสอน คอยห้ามไม่ให้ตามเพื่อน (เวลาทำอะไรไม่ดี) กลับมาใช้กลยุทธิ์เชิงรุก โดยการสอนหรือปลุกฝังให้ลูกๆ มีความเป็นผู้นำซะ ในเวลาเพื่อนๆ กำลังจะทำอะไรไม่ถูก ไม่ดี ให้ช่วยดึงกลับ เป็นผู้ห้ามเพื่อน

เมื่อพ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างเชื่อมั่นในลูกตัวเองเป็นคนดี (เพราะสอนมากับมือ) เพราะฉะนั้นต้องมีความเชื่อมั่นในตัวลูกเช่นกันว่าจะสามารถนำพาเพื่อนๆ ในทางที่เหมาะสมได้ สร้างนิสัย ปลุกฝังให้เขาได้แสดงศักยภาพออกมา ผลทีได้คือนอกจากตัวเองไม่ไปทำอะไรไม่ดีแล้ว ยิ่งใหญ่กว่านั้นสามารถช่วยเพื่อนๆ ไม่ให้หลงทางที่ผิดได้ อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า คนเรากว่าจะเกิดมาได้ต่างได้ถูกคัดสรรมาเป็นผู้นำโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ทีนี้ลองมานึกภาพดูว่า ถ้าสังคมส่วนใหญ่ โดยสถาบันครอบครัวต่างอบรม สั่งสอน ปลุกฝังทัศนคติที่ว่า นอกจากเราจะไม่ทำสิ่งไม่ดีแล้ว จะคอยช่วยเพื่อนเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะทำไม่ดี ให้กลับคืนมา จะสามารถช่วยคนได้อีกเยอะมาก น่าจะเป็นการดีกว่า แค่สอนลูกว่า “อย่าทำตามเพื่อนนะ เวลาเพื่อนทำอะไรไม่ดี” เสมือนหนึ่งว่า ให้เอาตัวรอดกลับมา ลอยแพเพื่อน ๆ ไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเพื่อนจะทำสิ่งไม่ดี (ซึ่งเด็กบางคนอาจหลงเข้าใจผิดว่าที่ทำคือสิ่งดี) และจะไม่มีคำรำพันโทษว่า ลูกตัวเองเป็นคนดี เก่ง ฉลาด ถ้าไม่ตามเพื่อน หรือลูกเสียคนเพราะเพื่อน...เมื่อเกิดกรณีไม่พึงประสงค์ใด ๆ ต่อทรัพย์สิน ร่างกายและชีวิต เหมือนอย่างที่เป็นข่าวบ่อยๆ ที่ผ่านมา..............

หมายเลขบันทึก: 608847เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2016 08:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 ตุลาคม 2016 19:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

-สวัสดีครับ

-ตามมาอ่านบันทึกประเทืองปัญญาครับ

-ขออนุญาตเพิ่มเป็นผู้ติดตามบันทึกอีกคนหนึ่งนะครับ

-ได้วิธีคิด... ปรับเปลี่ยนมุมมอง ดี ดี ครับ

-ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท