...................................................................................
ข้อคิดของ "ดังตฤณ"
...................................................................................
การรู้ตัวว่ายังมีชีวิต ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ
ความภูมิใจในการมีชีวิตต่างหาก ที่ใช่
อยู่อย่างไร้ค่า
เพราะไม่หาเรื่องน่าภูมิใจให้ตัวเองทำ
แม้คุณจะยังไม่พบหลักฐานว่าชีวิตมีค่า
แต่ศรัทธาในคุณค่าของชีวิต
จะทำให้คุณมีแก่ใจใช้ชีวิตอย่างดี
จนกระทั่งกลายเป็นชีวิตดี ๆ ควรค่าแก่การเกิดมา
คนส่วนใหญ่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตไปในการทำเรื่องน่าอาย
แต่ชั่วขณะที่ทำก็สำคัญว่าเป็นเรื่องน่าภูมิใจ
โลกจะเปลี่ยนแปลงไปนิดหนึ่ง
ในทันทีที่คุณแตกต่างไปจากเดิม
ถ่างตาให้กว้างสุด
ยังอาจเห็นไม่ชัดเท่าเปิดใจแค่ครึ่งเดียว
ถ้าแม้แต่ตาที่ใสสว่างยังมองไม่เห็นขั้นปัจจุบัน
แล้วใจที่มืดบอดจะเห็นขั้นต่อไปได้อย่างไร
พายุฝันที่วกวนขณะหลับตาไม่ใช่คำพยากรณ์
ไฟฝันที่ลุกโชนขณะลืมตาต่างหากที่ใช่
...................................................................................
คุณจะใช้ชีวิตอย่างไรก็เป็นทุกข์อยู่ดี
แต่โดยแท้ที่จริงแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์ก็ได้
ไข้หนักอาจห้ามไม่ให้คุณขยับตัวไปทำความดี
หรือกระทั่งง้างกรามขึ้นพูดดี
แต่มันไม่สามารถห้ามคุณให้เลิกคิดอะไรดี ๆ ได้เลย
เคราะห์ร้ายมีสองทางเลือกให้ลงเอย
หนึ่งคือยอมให้บาปเก่าพาไปแพ้หมดรูป
สองคือทุ่มหมดใจสร้างบุญใหม่เอาชนะ
คุณจะรู้ว่าร่างกายแข็งแรงแค่ไหน
ก็จากความสามารถต้านไข้ หรือความรวดเร็วในการฟื้นไข้
และคุณจะรู้ว่าจิตใจเข้มแข็งขนาดไหน
ก็จากความสามารถต้านความเศร้า
หรือความรวดเร็วในการหายเศร้า
ร่างของคนตายไม่แตกต่างกัน
และไม่แน่ว่าคนเป็นจะต่างจากคนตาย
วิธีแน่ใจว่าคุณแตกต่างจากคนตาย
คือการไม่ปล่อยให้นาทีนี้ผ่านไปด้วยอาการงอมืองอเท้า
ศัตรูของคุณไม่ใช่คนอื่นที่คิดร้ายกับคุณ
แต่เป็นความคิดร้ายของคุณที่มีต่อคนอื่นต่างหาก
คุณไม่มีทางไม่มีศัตรู
แต่มีทางเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร
ด้วยการเริ่มคิดว่าคุณกับเขาลงเรือแห่งไฟพยาบาทลำเดียวกัน
ไม่ช่วยกันก็จมไปด้วยกัน
อย่าเอาแต่สวดแผ่เมตตา
ให้ทำใจเป็นเมตตาด้วยความเข้าใจกันด้วย
ความเข้าใจนั่นแหละที่ทำให้คนเราอภัยได้จริง
ความเข้าใจนั่นแหละที่ช่วยให้เรายัง มองหน้ากันได้ติด
และความเข้าใจนั่นแหละที่จะยุติเรื่องเลวร้าย
อย่าเมตตาแบบเจืออยู่ด้วยความคาดหวัง
เมตตาที่แท้รินออกมาเมื่อเห็นความพยาบาทเหมือนโรคทางใจ สละได้ใจเราก็เป็นสุขเอง
ถ้าสามารถช่วยคนที่ชอบได้จะเป็นสุข
ถ้าเต็มใจช่วยคนที่ไม่ชอบได้จะสุขกว่า
ถ้าพร้อมช่วยกระทั่งคนที่เกลียดได้จะสุขที่สุด
ให้อภัยคนเลวหมดใจ
แล้วจะรู้สึกว่าต้องไปเกี่ยวข้องกับคนเลวน้อยลง
...................................................................................
ก่อนอื่นต้องมองว่าตอนใครทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจมาก ๆ นั้น
คือรูปแบบหนึ่งของการโดนทวงหนี้
เมื่อมองอย่างนี้คุณจะเต็มใจให้อภัย
และทราบชัดจากความเบาหัวอก ว่าหนี้เก่าถูกชำระแล้ว
อาจต้องผ่อนส่งหลายครั้ง
หรืออาจเหมารวบเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว
การอภัยในเรื่องน่าเจ็บปวดที่สุด ทำได้ยากที่สุด
จึงแทบจะเป็นการทำแต้มสูงสุดในเกมกรรม
และกล่าวได้ว่าเป็นการใช้หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ถ้าทำไม่ได้ก็น่าเห็นใจ แต่หากทำได้
ก็ไม่มีบุญกุศลชนิดไหนๆอีกแล้วที่คุณจะทำไม่ได้
การอภัยไม่ต้องเสียอะไรเพิ่ม
การจองเวรสิต้องเสียยิ่งกว่าเดิมไม่รู้เท่าไหร่
ทั้งเวลา ทั้งกำลังกายกำลังใจ
บุญบาปทำหน้าที่อยู่แล้ว
เราปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างเอง เดินเอง
และเสวยผลเองน่ะดีที่สุด
ถ้าผูกใจเจ็บก็เท่ากับพลอยกระโจนไปร่วมรับบาปอย่างใด
อย่างหนึ่งบนเส้นทางของเขาด้วย
การผูกกรรมมีความพิสดารลึกซึ้ง เราคาดไม่ถึงหรอก
เรานึกว่าแค่ผูกใจเจ็บก็เป็นเรื่องส่วนตัวในใจ
แต่ความจริงมันเกิดกระแสเวรผูกพันระหว่างวิญญาณขึ้นมา
แม้เราไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขาก็ตาม
เขาเป็นฝ่ายกระทำต่อเราวันนี้
อนาคตจะต้องมีเรื่องมีราวให้เรามีอำนาจเหนือกว่า
และกรรมเก่าจะยั่วยุให้เราคิดเอาคืนบ้าง
ซึ่งก็แปลว่าเราจะมีโอกาสทำบาป
และรับผลจากบาปนั้นคืนในกาลต่อไป
สรุปคือ เมื่อถูกทำให้แค้นแล้วไม่คิดแก้แค้น
เรียกว่าเป็นการใช้หนี้ ขอให้จำไว้ว่า
คุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ
แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ
ดังตฤณ
...................................................................................
ธรรมะบางคำ
อย่าปล่อยให้ผ่านสายตาโดยไม่ได้คิด
เพราะบางทีชีวิตที่ติด ๆ ขัด ๆ
อาจจะไขได้ด้วยประโยคเพียงประโยคเดียว
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...
...................................................................................
ฝึก ๆ ฝึกอภัย เอ้า !!! ฝึกต่อไป
ขอบคุณค่ะ
ไม่ค่อยให้อภัยเหรอครับ คุณหมอ ธิ 555
ชอบ"ตังตฤน"เจ้าค่ะ
ขอรับ คุณ ยายธี ;)...