เย็นวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๙ วันตะวันตรงหัวคนไทย ผมนั่งเครื่องบินจากหาดใหญ่มากรุงเทพ แล้วนั่งกลับลงไปที่ภูเก็ต ถึงสนามบินภูเก็ต ๒๐.๒๐ น. คืนวันที่ ๒๖ ผมจึงนอนที่โรงแรม ชิโนเฮ้าส์ กลางเมืองภูเก็ต
มานึกขึ้นได้ว่าลืมเอากางเกงขาสั้นสำหรับสวมวิ่งไปด้วย ตอนนั่งรถจากสนามบินภูเก็ตไปโรงแรม แต่ไม่เป็นไร นุ่งกางเกงขายาวที่สวมไปทำงานก็ได้ เอารองเท้าวิ่งไปด้วยแล้ว
เช้าวันที่ ๒๗ พอฟ้าสาง เวลา ๖ น. เศษ ผมก็ออกจากโรงแรม เหลียวซ้าย แลขวา แล้วก็ตัดสินใจวิ่งไปทางขวา ตามถนนสุทัศน์ ที่ดูจะไม่มีห้องแถวจอแจอย่างทางซ้าย
แล้วก็พบว่าผมตัดสินใจถูก เพราะวิ่งไปนิดเดียวก็พบสามแยก และผมเลี้ยวขวาไปตามถนนนริศร ผ่านหน้าวัดวิชิตสังฆาราม แขวงทางหลวงภูเก็ต โรงเรียนอนุบาลภูเก็ต สนามชัย ศาลากลาง สำนักงานเทศบาลนครภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด บ้านพักนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด แล้ววิ่งกลับ
ระหว่างทางมีรถมอเตอร์ไซคล์พ่วงข้างเปิดเพลงสุนทราภรณ์ไพเราะ คุณลุงแต่งชุดลูกเสือหล่อยืนอยู่ข้างๆ ผมทักทายและขอถ่ายรูป จึงทราบว่าคุณลุงเป็นลูกเสือชาวบ้าน มาขายไก่ทอด สายๆ จะไปเป็นวิทยากรลูกเสือ
อุณหภูมิตอนเช้าเพียง ๒๖ องศาเซลเซียส แต่ไม่มีลม จึงไม่รู้สึกสดชื่นในเรื่องอากาศร้อน แต่ก็สดชื่นในความงาม ของแสงทองส่องก้อนเมฆ และในความงามของอาคารและสวน ผมได้เหงื่ออย่างดี
ความรู้สึกชื่นใจคือเรื่องความสะอาดของถนนและทางเท้า กระเบื้องปูทางเท้าของถนนนริศรมีเส้นนูนสำหรับ คนตาบอดด้วย น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
ผมวิ่งไปหยุดถ่ายรูปไป ใช้เวลา ๔๐ นาที วิ่งได้ ๒.๓ กิโลเมตร ได้เหงื่ออย่างดี
วิจารณ์ พานิช
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
ไม่มีความเห็น