ช่วงวันหยุดยาวหลายวัน..ลูกชายขอยืมรถไปงานแต่งงานเพื่อนที่ชะอำ จ.เพชรบุรี ผมเห็นว่าลูกก็โตแล้ว มีงานทำแล้ว ก็คงจะดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ต้องให้คอยเป็นห่วงเหมือนเมื่อก่อน จึงอนุญาตให้ไป
เดือนนี้..ลูกชายบรรจุเป็นข้าราชการครู ครบ ๒ ปีพอดี..เพื่อนชายที่แต่งงาน..เรียนมาด้วยกัน บรรจุพร้อมกัน แต่คนละโรงเรียน สนิทกันมาก ไปมาหาสู่กันเสมอ ..การไปงานเพื่อนครั้งนี้ ลูกชายจึงทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว...
ผมเคยเห็นหน้าเพื่อนของลูกชาย ครั้งแรกและครั้งเดียวในงานบวชลูก..เมื่อเดือนเมษายน ปีที่แล้ว รูปร่างผอมสูง เรียนดนตรีไทย วิชาเอกระนาด บ้านอยู่ จ.อยุธยา อาชีพของพ่อแม่ คือทำนา มีที่นานับร้อยไร่ แต่ให้เขาเช่าทำเป็นส่วนใหญ่ งาน..หลักๆ คือ วงปี่พาทย์ รับจ้างไปเล่นตามงานต่างๆ...ด้วยเหตุนี้..จึงส่งลูกเรียนด้านดนตรี และลูกก็สามารถเรียนรู้ได้เร็ว... ระดับมืออาชีพ
ปิดเทอมปีที่แล้ว..ลูกชายผม..บวช จึงไม่ค่อยจะได้ไปไหน.. ปิดทอมนี้ เปรยๆว่า..คิดถึงวัดชลประทานฯปากเกร็ด..ถ้าการบวช..ไม่ใช่เรื่องยากเย็น ก็อยากจะบวชอีก (ข้าราชการ เวลาจะบวช ต้องขออนุญาตและต้องได้รับอนุญาตจากต้นสังกัดก่อนจึงจะบวชได้) ผมก็เลยถามว่า ทำไม..ถึงติดอกติดใจ..ประสบการณ์การบวชที่ผ่านมา..
ลูกชายบอกว่า..เป็นวัดที่เคร่งครัดระเบียบวินัยดีมาก พระอาจารย์ที่อบรมสั่งสอน ก็มีความรู้ดี น่าเลื่อมใสศรัทธา อยู่ที่วัด แม้ว่าจะนั่งวิปัสสนากรรมฐานจนดึก และตื่นแต่เช้าเพื่อบิณฑบาต แต่ก็มีเวลาอ่านหนังสือ..ช่วงที่บวช อ่านจบไปหลายเล่ม
มิน่าเล่า..วันที่ลาสิกขาบท(สึก) ลูกชายดูเศร้าหมอง เหมือนอาลัยอาวรณ์เสียเหลือเกิน แต่ก็จำเป็น เพราะต้องกลับเข้ารับราชการ จึงไปกราบลาพระอาจารย์และประกาศยกเลิกสายการบิน (บิณฑบาต)
ปิดเทอม..ครั้งนี้..ลูกชายออกแบบการจัดสวนลำไยหลังบ้านจนเสร็จเรียบร้อย..การเดินทางไปร่วมงานแต่งงานเพื่อน จึงไปได้อย่างสบายใจ..เป็นเวลา ๓ วัน ๒ คืน..เดินทางกลับมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส..ผมก็เลยอดไม่ได้..จึงถามบรรยากาศในงานแต่งว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ลูกชายเริ่มเล่าตั้งแต่..เจ้าสาวเป็นรุ่นน้องเจ้าบ่าว เรียนสถาบันเดียวกัน..จบวิชาชีพครู แต่พ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เป็นที่นับถือของผู้คนในจังหวัดเพชรบุรี มีกิจการด้านรีสอร์ท และธุรกิจเกี่ยวกับการจัดสวน..ก็จึงไม่ให้ลูกสาวไปเป็นครูที่ไหน ให้สานต่อกิจการของครอบครัวต่อไป
งานใหญ่มาก..(ลูกชายลากเสียงยาวๆ) โต๊ะจีน ๓๐๐ โต๊ะ มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดและ ผู้นำท้องถิ่นมาร่วมงานมากมาย..แต่ก็ไม่มีพิธีการอะไรเยิ่นเย้อ เพราะพ่อเจ้าสาวอยากให้แขกที่มาร่วมงาน มีความสุขจากการชมดนตรีวงใหญ่บนเวที ที่มีถึง ๒ วง
พ่อเจ้าสาวชอบฟังเพลงเพื่อชีวิตมากๆ พอดนตรีวงแรกเล่นเสร็จ ตามด้วยวง “คาราวาน” นำโดยคุณพี่หงา สุรชัย จันทิมาธร..ผมนึกถึงภาพในงานแต่งได้เลย ว่าดึกแค่ไหนแขกก็คงไม่อยากกลับ ได้ทานโต๊ะจีนและได้ชมคอนเสิร์ตด้วย
ลูกชายบอกว่า...พ่อเจ้าสาว ไม่เคยจัดงานและไม่ชอบการจัดงาน แต่เห็นว่า เป็นลูกสาวคนเดียว ก็เลยต้องลงทุนให้ยิ่งใหญ่หน่อย...”แล้วค่าสินสอดทองหมั้นล่ะ” ผมถามลูกชาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ลูกชายบอกว่า.”.พ่อแม่เจ้าสาวเขาไม่ได้เรียกร้องอะไร แล้วแต่พ่อแม่เจ้าบ่าวจะให้”...แบบนี้ มีด้วยหรือ..ผมคิดในใจ..ตกลงเท่าไหร่กันแน่นะ ผมรอฟังอย่างตั้งใจ
“พ่อเจ้าบ่าวเขาก็เลยวัดใจ ให้ค่าสินสอดไปพอสมควร เงินสด ๑ ล้าน แหวนเพชร ๑ วง ทอง ๑๕ บาท..” ทุกอย่างก็เลยลงเอย..และผ่านไปอย่างเรียบร้อย..
“ลูกคิดอย่างไรบ้าง..ค่าสินสอดเป็นล้านเลย ลูกต้องเก็บเงินแล้วนะ” ผมบอกลูก
“ผมยังไม่คิดอะไรหรอกครับพ่อ ขอเรียนปริญญาโท ให้จบก่อน” ลูกชายบอก..ด้วยใบหน้า ยิ้มๆ
ผมพยักหน้ารับรู้..แต่ก็อยากบอกลูกชายเหลือเกินว่า ถึงลูกจะไม่คิด แต่พ่อก็คิดนะ พ่อคิดว่า..ข้าราชการ..สมัยนี้..แต่งงานกันทั้งที ใช้เงินกันขนาดนี้แล้วหรือ...แค่คิด..ก็หนาวแล้ว...
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙