ชีวิตที่พอเพียง : 2650. ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนใน กิจการด้านสุขภาพ



วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ผมไปร่วมประชุม

เมื่อวานผมลง บล็อก Council เรื่องวิชาการเพื่อลดการก่อการร้ายไปหยกๆ

มาพบบทความทำนองเดียวกัน เรื่อง Who will become a terrorist? Research yields few clues ใน นสพ. บางกอกโพสต์ วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ น่าสนใจ จึงนำมาเล่าต่ออีก เป็นสาระที่สรุปมาจากผลการวิจัย และเล่าวิธีวิจัยที่น่าสนใจมาก บทความนี้ยาวมาก มีสาระมาก นักวิชาการสายสังคมศาสตร์อ่านต้นฉบับเอาเองนะครับ อ่านแล้วน่าจะได้โจทย์วิจัยทางสังคม มากมาย ที่ไม่จำเป็นจะต้องเกี่ยวกับการก่อการร้าย แต่เกี่ยวข้องกับความสงบสุขของสังคม

ผมสรุปมาเฉพาะประเด็นที่ผมสนใจเท่านั้น คือผลงานวิจัยพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับความยากจน และมีคนบอกว่าเป็น ปัจจัยด้าน demand side เป็นตัวชักจูงมากกว่า และผมคิดต่อว่าขบวนการชักจูงเขารู้ว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน ที่เขาชักจูงง่าย ทางฝ่ายป้องกันไม่ค่อยรู้ และนักวิชาการได้ทำวิจัย ให้รู้มากขึ้น

ผมได้รู้จักศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา และได้รู้ว่าเขามีรายงานสรุปเป็นปีๆ เช่น 2012 National Counterterrorism Center report บอกว่าปัจจัยขับดันสู่ ความคิดสุดขั้ว (radicalization) คือ ความวิตกกังวล (anxiety), บาดแผลทางใจ (trauma), ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ (unmet personal needs), ขัดใจ (frustration) ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงเท่านั้น ไม่ใช่สาเหตุโดยตรง

องค์การ WORDE ที่ชานกรุงวอชิงตัน ระบุสัญญาณเตือน ได้แก่ หดหู่ (depression), บาดแผลทางใจ (trauma), ยากลำบากทางเศรษฐกิจ (economic stress), พร่ำบ่นทางการเมือง (political grievances) องค์การภาคประชาสังคมนี้ได้รับทุน สนับสนุนจากรัฐบาลครึ่งล้านเหรียญ ... ประชารัฐป้องกันการก่อการร้ายจากภายใน

ผมไตร่ตรองสะท้อนคิดว่า ปัจจัยที่ทำให้คนถูกชักจูงง่าย คือความไม่พอใจในชีวิตความเป็นอยู่ของตน ซึ่งก็คือคนที่ ขาดความสุขนั่นเอง และในหนังสือ Sapiens ก็บอกว่าความพอใจของคนเราไม่ได้ขึ้นกับสภาพของตนเองเท่านั้น ยังขึ้นกับ การเปรียบเทียบกับคนอื่น ซึ่งก็คือช่องว่างทางสังคมระหว่างคนจนกับคนรวย ก็ทำให้คนขาดความสุข และมีคนที่เคียดแค้น สังคมเพิ่มขึ้น คนเหล่านี้ถูกชักจูงง่าย ผมเขียนเล่าบางตอนในหนังสือ Sapiens ไว้ ที่นี่

การชักจูงที่ดาดดื่นที่สุดในสังคมในขณะนี้ ไม่ใช่ชักจูงไปเป็นผู้ก่อการร้ายต่อสังคมอื่น หรือต่อคนอื่นนะครับ แต่เป็นการก่อการร้ายต่อตนเอง!!! คือในเวลานี้มีขบวนการชักจูงใจคน ในชื่อของการสื่อสารมวลชน การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ โปรดสังเกตเองนะครับว่า แต่ละวันตัวท่านเองได้รับสารที่ชักจูงให้บริโภคสิ่งที่ไม่จำเป็นมากแค่ไหน ได้รับสารที่ชักจูงให้ซื้อ สินค้าที่ไม่จำเป็นมากแค่ไหน ได้รับสารให้กินอาหารที่เป็นผลร้ายต่อสุขภาพ มากแค่ไหน ได้รับสารให้เพิ่มพูนความโลภขึ้น ในจิตใจ มากแค่ไหน ได้รับสารให้มีความเกลียดชัง (ต่อบางสิ่ง บางเรื่อง) มากแค่ไหน

ใครกลายเป็นผู้ก่อการร้าย???

ก่อการร้ายต่อใคร???


วิจารณ์ พานิช

๓๐ มี.ค. ๕๙

ร้านกาแฟ Superior Brand Coffee, บางพลี, สมุทรปราการ


หมายเลขบันทึก: 605584เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2016 18:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 เมษายน 2016 18:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท