จำได้ว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วคลิกอ่านบันทึกที่นี่ ... ด้วยภาวะที่ไม่รู้ตัวว่าสุขภาพกำลังจะแย่ด้วยไทรอยด์เป็นพิษกับหลอดเลือดสมองตีบเฉียบพลัน...ผมยังคงสนุกสนานกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับแพทย์ พยาบาล นักกิจกรรมบำบัด และบุคลากรฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตสังคม (Psychosocial Rehabilitation) ที่เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาทักษะการทำงานและการได้รับโอกาสเข้าทำงานในผู้ที่มีประสบการณ์สุขภาพจิตตามแนวทางการฟื้นคืนสุขภาวะ (Recovery Model of Mental Health Care) หรือที่ผมแนะนำ "การฟื้นพลังชีวิต" หลังเรียนจบออสเตรเลียเฉพาะทางกิจกรรมบำบัดจิตสังคมเมื่อ 8 ปีที่แล้วที่สถาบันสุขภาพจิตชั้นนำต่างๆ ของไทย
และเมื่อวานนี้ผมมีความสุขมากมายจากการได้รับเชิญเป็นวิทยากรกระบวนการ "จัดกิจกรรมบำบัดบูรณาการศาสตร์ต่างๆ ที่สร้างทักษะสุขภาวะ (Happiness Workshop)" มาลองติดตามกระบวนการออกแบบและประเมินโปรแกรมที่เดิมเตรียมไว้มากกว่า 15 กิจกรรม ก็ต้องปรับลดลงเหลือ 8 กิจกรรมหลักเพื่อให้เข้ากับสุขภาวะของผู้เข้าอบรมตามสไตล์ทักษะการตัดสินใจแก้ปัญหาได้ในปัจจุบันขณะของผม (Judgement of decision making & problem solving skills)
ผมรู้สึกตื้นเต้นไม่แพ้การได้รับเชิญไปสอนนศ.ที่มหาวิทยาลัยนาโกย่า ญี่ปุ่น คลิกอ่านบันทึกที่นี่ และผมได้ถอดบทเรียนไว้อย่างน่าสนใจที่นี่
เพราะต้องใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลาพร้อมต้องปรับกลยุทธ์การใช้สื่อกิจกรรมบำบัดบูรณาการ 5 ศาสตร์ ได้แก่
- Positive Psychology
- Neuro-Linguistic Programming (NLP)
- Spiritual Sciences (Mindfulness)
- Social Sciences (Humanity)
- Behavioral Medicine (Active Learning of Self-transformation)
และได้ดึงประสบการณ์ของการใช้สื่อกิจกรรมบำบัด "ต้นไม้งาม" อ่านเรียนรู้ที่นี่ บวกกับการเขียนหนังสือแปลความรู้ล่าสุดที่นี่
เราลองมาศึกษาการใช้สื่อบำบัดจากตัวเราให้ sensing self-awareness คือ การรับรู้สึกความเป็นอยู่ ณ ปัจจุบันขณะของตัวเรา และเกิดการตัดสินใจท่ามกลางสิ่งเร้าจากผู้อื่น (social judgement) ต่อด้วยการปรับเปลี่ยนระบบจิตประสาทสรีรร่างกายขณะทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวที่ท้าทาย ออกนอกกรอบ และออกจากโซนที่เรายึดติดสุขกับความปลอดภัย ด้วยเป้าหมายที่ทำให้ตัวเรารู้จักมุมบวกแห่งชีวิตด้วยความตั้งใจจริง (self-positive intention) รู้จักความกล้าหาญเพิ่มความมั่นใจในสมรรถนะแห่งตนเอง (Self-efficacy) และรู้จักขอบคุณร่างกายที่มีศักยภาพแห่งตน (Self-acknowledgement) ทั้งหมดทุกกระบวนการเหล่านี้ส่งเสริมให้เกิดพลังกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้มุ่งเป้าต่อเนื่องไปสู่เป้าหมายหลักของการอบรมสุขภาวะวันนี้ด้วยเวลากว่า 4 ชม. คือ "ผมอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์หลังเจ็บป่วยที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดและฟื้นพลังชีวิตของตนเองด้วยการเรียนรู้แบบลงมือกระทำทันที (Immediate Doing) ตื่นรู้ (Knowing of Consciousness) และเข้าใจริง (True Understanding) และฝึกฝนทุกวันทุกศาสตร์มากกว่า 2 ปี จนเกิดการเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลงตนเอง (Self-transformation) ด้วยการใช้ชีวิตสมดุลกาย-จิต (คิดกับอารมณ์)-สังคมได้พอเหมาะแบบอยู่ตัว (ทบทวนปรับปรุงตนเองให้ยืดหยุ่นพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงรับรู้สึกสิ่งใหม่ๆ อยู่ทุกวัน) หรือ Flexible Being of Brain & Body then Becoming self-readiness for dynamic changes และตั้งเป้าหมายใน 15 ปีแห่งการใช้ชีวิตที่กลายเป็นคนดีขึ้นเรื่อยๆ ตามที่ Rumi เขียนไว้คือ "Yesterday I was clever, so I wanted to change the world. Today I am wise, so I am changing myself และตาม NLP Presupposition ที่ว่า "There is no failure, only feedback." นั่นคือเกิด Social Awareness พร้อมๆกับ Self-Improvement for Social Responsibility นี่คือ Logical Levels of change ของผมที่ตั้งคำถาม...อ่านบันทึกที่นี่...จากสิ่งแวดล้อมสู่วิสัยทัศน์แห่งการทำความดีด้วยสติสัมปชัญญะ (Mindfulness) ทุกๆวันจนถึง 15 ปีก่อนสิ้นชีวิตของผม - ดูผู้เข้าร่วมอบรมทุกคนตื้นเต้นที่ ผศ.ดร.อย่างผมดูคล่องแคล่วมีชีวิตชีวาอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงและพร้อมใจกันปรบมือยินดีกับการฟื้นพลังชีวิตของตนเองสู่การจัดการสุขภาวะสังคมด้วยกิจกรรมบำบัดศึกษาบูรณาการศาสตร์ต่างๆ
กิจกรรมช่วงเปิดงานที่ผมต้องขอบพระคุณจิตแพทย์ Dr. Abdul Kadir Abu Bakar ผู้อำนวยการ รพ. Permai ที่มีจิตวิญญาณแห่งวิสัยทัศน์ของการบูรณาการทุกสรรพสิ่งเพื่อเพิ่มสุขภาวะของตนเอง คนรอบข้าง และผู้มีประสบการณ์สุขภาพจิตพร้อมครอบครัว-ผู้ดูแล-สังคมมาเลเซีย ที่ถือเป็นต้นแบบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยมของผมครับ
Dr. Kadir ได้เล่าเรื่องราวที่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์แห่งสุขภาวะ ที่เน้นว่า "Happiness is One Pillar of Health." ซึ่งผมได้ค้นคว้าข้อมูลของ WHO ก็พบความน่าสนใจมากมาย เช่น 10 Pillars a healthy life จนถึง 4 Pillars of Healthcare Systems และ 7 Pillars of Health
ท่านผอ.เน้นความรู้ใหม่ๆ ที่ผู้เข้าอบรมหลายท่านที่เป็นแพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาธารณสุข รวมทั้งกระบวนกรอย่างผม ดังนี้:-
- วันแห่งความสุขระดับโลกคือ วันที่ 20 มีนาคมของทุกปี
- Happiness ที่แท้จริงคือ Goodness ที่หล่อหลอมมาจากพันธุกรรม-การเลี้ยงดู 50% รูปแบบการใช้ชีวิต 10% และการฝึกควบคุมสติสัมปชัญญะของตัวเองถึง 40% ดังนั้นการสร้างสัมพันธภาพกับคนรอบข้างในครอบครัว เพื่อน และกัลยาณมิตรอย่างน้อย 40 คน ก็เป็นการพัฒนาทักษะสุขภาวะจิตสังคมที่ดีเยี่ยม
- การเสริมสร้างสุขภาวะในการใช้ชีวิตแต่ละวัน ได้แก่ การออกกำลังเพื่อสุขภาพจิตใจ-ร่างกาย-สังคม-การเงิน-จิตวิญญาณ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เฉพาะเวลาที่หิว (ควรทานปริมาณพอเหมาะและหาเวลา 2 วันต่อสัปดาห์ในการพักผ่อนระบบย่อยอาหาร ควรศึกษาอาหารที่ควรบริโภคของ WHO) การปรับปรุงนิสัยที่แย่ให้ดีขึ้นต่อสุขภาวะ และการเสริมสร้างสุขภาวะด้วยการลงมือทำกิจกรรมความสุข (คล้ายกับกิจกรรมต้านซึมเศร้า) ได้แก่ การได้รับและมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ที่เป็นบวกโดยไม่ได้ตั้งใจ การหมั่นเฝ้ามองทุกชีวิตและสรรพสิ่งด้วยความพอใจและความมีปัญญา การได้รับคำชื่นชมยอมรับจากผู้อื่น การได้มีจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่นรวมทั้งการบริจาคที่สมดุลกับการใช้เงินอย่างพอเพียง การฝึกสติสัมปชัญญะวิปัสสนากรรมฐาน-การทำสมาธิ-การสวดมนต์-กิจกรรมทำความดีด้วยความพอใจกับความเห็นอกเห็นใจสู่ความเข้าใจในความรู้สึกของผู้อื่น
- ประชากรประเทศญี่ปุ่นนับว่ามีความสุขตามการดำเนินชีวิตด้วยเคล็ดลับข้างต้นทำให้วัย 75 ปีถือเป็น Young Adult กับประเทศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ผมได้ลองสืบค้นเพิ่มพบว่า การจัดกิจกรรมต่างๆ มิใช่สร้างสัมพันธภาพทั่วๆไป หากแต่เป็นการกระชับสัมพันธภาพหรือการสร้างความเข้าใจไมตรีระหว่างกัลยาณมิตร - Building Rapport ซึ่งมาจากภาษาฝรั่งเศส Rapprochement) โดยมุ่งเป้าหมาย คุณค่า และความหมายแห่งกิจกรรมการดำเนินชีวิตที่สมองอยู่สุข สมองสร้างสุข และสมองพลังสุข ด้วยเหตุแห่งการฝึกฝนตนเองแบบตื่นรู้ อยู่ตัว และหัวใจงาม ตามลำดับ
ผมลองให้ทุกท่านสังเกตและติดตามดูว่ากิจกรรมต่างๆ ที่ผมได้จัดออกแบบให้นั่นเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างและอย่างไรบ้างครับ
ช่วงหนึ่งชั่วโมงแรก ค่อยๆเกิดการจัดกลุ่มสำรวจตนเอง (Task-oriented group) ฟังเสียงระฆังหนึ่งครั้งให้หลับตาแล้วยืนอยู่นิ่งเพื่อทบทวน State of Being ผ่านกระบวนการที่น่าสนใจของ Eudoimonia ให้ผ่อนคลาย ใช้ความรู้สึกที่หัวใจ ลมหายใจ และปล่อยวางความคิด และถ้าเคาะสองครั้งให้เคลื่อนไหวตนเองไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆ เน้นการสบตา ยิ้ม นิ่งฟังอย่างตั้งใจนาน 3 วินาทีก่อนตั้งใจเริ่มพูดของตนเอง การทบทวนสิ่งที่ได้ลงมือทำ-รู้-เข้าใจระหว่างกัน และสรุปประเด็นของเพื่อนเสริมกับสิ่งที่รู้ในตัวตน โดยตั้งอยู่บนหลักแห่งกาดำเนินสติอยู่กับภาวะปัจจุบัน (New Awareness) ต่อยอดไปสู่การจัดกลุ่มพัฒนาสัมพันธภาพ (Developmental group) เริ่มจากต่างคนต่างทำแบบคู่ขนาน (Parallel group) แต่มีกิจกรรมหนึ่งที่ผมลืมเนื้อเพลงแต่ก็บอกกัลยาณมิตรทุกท่านว่า หลับตาร้องเพลงนี้สามารถคิดน้อยๆ ไม่แคร์ผิดถูก เพราะร้องออกแบบจากหัวใจ ผมก็เลยคิดต่อว่า เสียดายมิได้เตรียมบทเพลงนี้เหมือนกับครั้งก่อนที่ทำกิจกรรมนี้กับท่านผอ.และทีมงานจนประทับใจ งั้นเรามาฟังเพลงนี้ที่นี่ [Citation with acknowledgement at Youtube PLUM VILLAGE SONG]
ณ ตรงนี้ ที่ใจฉันสุข (Happiness is here and now)
Happiness is here and now,
I have dropped my worries,
no where to go,nothing to do,
no longer in a hurry.
Happiness is here and now,
I have dropped my worries,
somewhere to go,something to do,
but not in a hurry.
ณ ตรงนี้ ที่ใจฉันสุข
สุขเมื่อปล่อยวางความกังวล
ไม่ไปที่ไหน ไม่ทำเรื่องใด
เราจึงไม่...ต้องรีบเร่ง
ณ ตรงนี้ ที่ใจฉันสุข
สุขเมื่อปล่อยวางความกังวล
จะไปที่ไหน จะทำเรื่องใด
แต่เราก็ไม่...ต้องเร่งรีบ
ช่วงหนึ่งชั่วโมงสุดท้าย ให้ทำกิจกรรมร่วมกันปั่นดินวาดรูปและจัดท่าทางถ่ายรูปกลุ่ม แบบอึดอัดเขินๆ ที่จะพูดคุย (Project group) และขยายไปสู่การออกแบบละครใบ้ห้าฉากรวมแสดงเป็น 5 กลุ่มที่เน้นการคลี่คลายความทุกข์ให้จบแบบสุขมากขึ้นหรือสุขๆทุกข์ๆ แบบช่วยกันคิดช่วยกันทำ (Egocentric group) และมีการจับคู่เพื่อฝึกจิตใต้สำนึก (จิตสำนึกที่ปราณีตขึ้นให้พัฒนาความเข้าใจตนเองตั้งแต่สิ่งแวดล้อม-ทักษะ-ศักยภาพ-ความเชื่อ-การรู้จักตนเอง-วิสัยทัศน์ในการพัฒนาตนเองในอีก 15 ปีข้างหน้า) เน้นการจัดกลุ่มอารมณ์ร่วม (Cooperative group) และสุดท้ายการใคร่ครวญสะท้อนความคิดของตนเองหลังการผ่อนคลายสมองใน 4 ท่าๆละ 5 ครั้งของ Brain Gym ในการนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้ฝึกฝนต่อในชีวิตภายใน 15 นาทีทั้งบันทึกและอีก 15 นาทีก่อนจบการอบรม (Mature group)