ภาษาอังกฤษเก่งได้ไม่จำเป็นต้องเรียนโรงเรียนอินเตอร์เสมอไป


เดี๋ยวนี้ได้เห็นโฆษณาเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษมากมาย จนกลายเป็นเรื่องพิเศษไปแล้วว่าการเก่งภาษาอังกฤษเป็นเรื่องพิเศษ สำหรับตัวเองก็ยังเชื่อว่า การที่จะเก่งภาษาอังกฤษได้นั้นอยู่ที่ความชอบและการใช้สม่ำเสมอมากที่สุด ไม่ได้เกี่ยวกับต้องเรียนโรงเรียนอินเตอร์ หรือเรียนโปรแกรมพิเศษหนักภาษาอังกฤษแต่อย่างใด เพราะเท่าที่พบเห็น ต่อให้เรียนแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้ภาษาอังกฤษดีขึ้นจากที่มีอยู่เดิมมากเท่ากับต้นทุนที่ลงไป

ที่ยืนยันได้เช่นนี้เพราะใช้ตัวเองและลูกๆเป็นตัวพิสูจน์ได้ค่ะ น่าจะมีอีกหลายครอบครัว เพียงแต่ยังมีจำนวนไม่มากนัก เพราะตัวเองเป็นคนที่ไม่เคยเรียนโรงเรียนนานาชาติหรือเรียนภาษาอังกฤษเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่เป็นคนชอบอ่านหนังสือและคุณพ่อ (ซึ่งก็เรียนสายอาชีพ) เป็นคนชอบอ่าน pocket book ภาษาอังกฤษและชอบอ่านหนังสือ สะสมหนังสือ ทำให้เราเป็นคนชอบอ่าน อ่านหนังสือเยอะมากๆทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เริ่มอ่านหนังสือได้ เป็นต้นทุนที่สำคัญมาก เพราะใช้ภาษาอังกฤษได้ดีตลอดมาทุกระดับ ในแง่การเขียนและการอ่าน ส่วนการฟังก็ได้มาจากการฟังเพลงภาษาอังกฤษที่ฟังมาแต่เด็กๆอีกเหมือนกัน สรุปได้ว่าไม่เกี่ยวกับการเรียนนานาชาติและการเรียนโปรแกรมพิเศษ สอบภาษาอังกฤษได้คะแนนดีๆมาตลอด จนถึงระดับมหาวิทยาลัย เพราะอ่านเป็นเรื่องปกติทั้งภาษาไทยและอังกฤษ

ส่วนสามหนุ่มลูกชายที่แม้จะมีโอกาสไปอยู่ในที่ซึ่งใช้ภาษาอังกฤษมาหกปีกันทั้งหมด แต่เมื่อกลับมาบ้านเรา เราพ่อแม่คิดเหมือนกันว่าเราไม่เห็นว่าการที่ลูกจะได้ภาษาอังกฤษติดตัวต้องมาต่อด้วยการเรียนโรงเรียนหรือโปรแกรมที่เรียนภาษาอังกฤษ แต่เชื่อว่าการเรียนภาษาไทยให้แข็งแรง ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญกว่า ดังนั้นแม้แต่น้องฟุง ลูกสุดท้องที่พูดภาษาแรกคือภาษาอังกฤษก็กลับมาเป็นคนเก่งภาษาไทยได้มาตลอด

สิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าความสามารถทางภาษาอังกฤษไม่ได้อยู่ที่การเรียนโรงเรียนนานาชาติหรือโปรแกรมพิเศษก็คือ ทั้งสามหนุ่มไม่เคยเข้าเรียนแบบนั้น แต่สิ่งที่เห็นคือ พวกเขาชอบอ่านหนังสือทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ชอบฟังเพลงทั้งสองภาษาด้วยเหมือนกัน ดูหนังฟังเพลง และการดูหนังในทีวีที่บ้านเรา ก็จะดูแบบไม่พากษ์ไทย ซึ่งก็คือชีวิตประจำวันมาตลอด

ตัวเองเมื่อต้องสอบไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมสอบ แต่เอาข้อสอบและวิธีการเตรียมตัวของ TOEFL เองที่เขามีขายมาอ่านและเตรียมตัวเอง รวมทั้งการสอบ IELT ที่ต้องทำเพราะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย ก็สอบผ่านคะแนนเกินเกณฑ์ในครั้งแรกที่สอบ มาถึงสองหนุ่มที่ตอนนี้ต่างก็ต้องใช้คะแนน TOIEC ในการทำงาน ก็ไปสอบกันแบบไม่มีการเตรียมล่วงหน้าแต่อย่างใด สมัครแล้วก็ไปสอบกันในไม่กี่วันหลังจากสมัคร และคะแนนที่ออกมาคือ พี่วั้นได้คะแนนเต็ม ส่วนพี่เหน่นหายไปสิบคะแนน ทั้งสองคนยืนยันว่าถ้าใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้วเป็นปกติก็ไม่น่าจะยากอะไร แต่สำหรับตัวเองเชื่อว่าการที่ลูกทำคะแนนได้ดีอย่างนี้ น่าจะมีส่วนมากจากการที่ทั้งคู่เป็นนักอ่านตัวยง อ่านนิยายภาษาอังกฤษเล่มโตๆกันเยอะมากด้วยนั่นเอง ทำให้สามารถอ่านเอาเรื่องได้เร็วมาก

เป็นเคล็ดลับที่ไม่ลับสำหรับคนที่อยากเก่งภาษาอังกฤษเลยค่ะว่า อย่างน้อยถ้าชอบอ่านและชอบฟังเพลงก็ใช้เรื่องนี้ส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเองไปด้วย ได้ผลแน่นอนค่ะ

หมายเลขบันทึก: 604341เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2016 20:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 มีนาคม 2016 20:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

คนในโลกปัจจุบันนี้โชคดีเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษอย่างมากด้วยครับ แค่ปิดโทรศัพท์ก็มีฝรั่งเจ้าของภาษามาพูดภาษาอังกฤษให้ฟังในรายการสนุกๆ (อย่างใน YouTube) ดูแล้วเพลินอีกต่างหากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท