​4. เห็น เจ็บ จุก อาย แต่ไม่ท้อ


4. เห็น เจ็บ จุก อาย แต่ไม่ท้อ

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559
1. วันนี้ทำอะไร
-วันนี้ตั้งใจไปจังหัน ว่าจะอดข้าว
-ตั้งใจ รีวิว paper อ่อมแซบ
- ประชุม
- รับกล่องส่วนที่เหลือและไปดูถุงข้างใน
2. คาดหวังอะไรในสิ่งที่ทำนั้นบ้าง
- ไปจังหัน คาดหวังว่า รักษาโอกาสกับตนเอง ให้ได้ฝึกฝน
- อดข้าวเพื่อ ให้ราคะมันเบาบางลงบ้าง
- ใจไม่อยากไปร่วมประชุม เพราะนั่งทำงานที่วางแผนมายังไม่เสร็จ
3. มีอะไรเป็นไปตามความคาดหวังนั้นหรือไม่เป็นไปตามความคาดหวังนั้น เพราะอะไร
สิ่งที่ได้เกินคาด
-เรื่องไปจังหัน จากที่ตั้งใจกับตนเอง จะไปให้ก่อนแปดโมงครึ่ง พอยิ่งตั้งใจก็เหมือนโดนกิเลสตนเองแกล้ง เพราะกว่าจะไปถึงก็ แปดโมงครึ่ง สะท้อนอะไร ใจที่ไม่เด็ดเดี่ยว มันอาย ขึ้นไปถึง มองแล้วเห็นท่านฉันฑ์แล้ว สำรวจย้อนลงไป ใจมันอายมากกว่าเมื่อวาน มีความรู้สึก สมน้ำหน้า อาย สลับกัน หิ้วกับข้าว ออกมา ปรับกับตนเองใหม่ เอ้อาเอาไปถวายเพลที่วัดโมกก็ได้ แต่พอมาถึงรถมีโทรศัพท์แบบงานเข้า ต้องรีบทำ แวะเซเว่น ใจย้อนวานเห็นคุณลุงนั่งกับขันแบบขอทาน โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการให้เงิน เดินออกมาจากการซื้อของพิจารณาเลยหยิบกับข้าวและอาหารที่เตรียมมาและน้ำมอบให้ลุง ใจมีเสียงตอบตนเองว่า “เห็นชัดไหมกับคำว่า การฝึกฝน การสร้างกุศล เมื่อช้า โอกาสที่จะได้สร้างกุศลใหญ่ลดหลั่นเป็นลำดับ จากพระครูบาอาจารย์ที่ตึกสงฆ์อาพาธ พอช้ากลับเป็น พระหรือโยมที่มาภาวนาที่วัดในวันพระ พอพลาดสุดท้ายเป็นขอทานหน้าเซเว่น เป็นภาพที่ไหลมาเป็นลำดับในช่วงเวลาสั้น ๆ เหมือนหนังสั้นของเรื่อง การสร้างกุศล อย่ารอ อย่าช้า ให้ ทำทันที
- ว่าจะอดอาหาร ตอนแรกตั้งท่ามาดีตั้งแต่ออกจากบ้าน แต่พอเจอโจทย์ที่ไม่เป็นไปตามคาดหวัง กิเลสบีบรัด ความหิวประดังประเดออกมา โทรไปกราบสารภาพกับพระพี่ชายว่า เหมือนมันจะไม่ไหวเจ้าค่ะ ท่านเมตตาให้กำลังใจแล้วก็บอกว่า ไม่เป็นไรค่อยๆทำไป
- ไปแบบช้า แต่ก็ยอมรับสภาพค่ะ พอเข้าไปแล้วก็ตามหน้าที่

4. ได้เรียนรู้อะไร
- เกิดภาพชัดเจนเหมือนหนังสั้นฉายเร็วแบบที่มีตนเองเป็นตัวละครในการ สั่งสมกุศล วัตถุทาน (ขอที่จะถวายจังหัน) ผู้ให้ทาน (หนู) ไม่เปลี่ยน แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ ผู้รับ ลดหลั่นตามลำดับ จากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ตึกสงฆ์ อาพาธ มาเป็นพระและโยมที่มาภาวนาที่วัด ปรับลงมาเป็น ขอทาน คือ ความชัดเจนของ อานิสงส์แห่งทาน สิ่งที่เกิดขึ้นข้างใน เป็นความรู้สึกเห็น แต่ใจก็ไม่ได้ยอมรับ จึงมีความหิวคุกคามใจที่เร่าร้อน แต่พอตั้งสติได้ก็หาทางออก เป็นคำตอบของการฝึกฝน ที่ครูเมตตาให้ได้ทำ แล้ว ณ ตอนนี้ก็รู้สึกถึงคำที่ครูสอนว่า “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นดีเสมอ”
- กับการตั้งใจอดข้าวแล้ว ทำไม่สำเร็จ ได้เรียนรู้อะไร เป็นคำตอบถึง ความตั้งใจที่ไม่พอ ไม่ใช่ว่าไม่เคยอด แต่ครั้งนี้ เป็นคำตอบว่า “เตรียมการกับใจตนเองไม่พอ” สั้นๆคือ “ที่ทำมามัน ไม่พอ”
- การเข้าช้าก็ไม่ได้ทำให้งานที่ทำอยู่เสร็จ สิ่งที่ออกมา ไม่ควร เลยที่เดียวนี่คือ การรับรู้กับตนเองค่ะ
- พิจารณาคำสอนที่ครูเมตตานำมาให้ทาน Facebook นั้นเป็นคำที่ที่อ่านแล้วก็ เหมือนโดนทุบหัว
หนูทำทุกอย่างทุกกรรมที่กิเลสพาทำอย่างที่ครูเมตตาชี้สอน ใจที่มันกล้าหาญในการทำชั่ว มันเป็นแบบนี้จริง ๆ พอความโกรธมันทำงาน มันพุ่งออกมาจากข้างใน เมื่อไหร่ที่ไหลออกมาทำลายล้างข้างนอก หลายครั้งที่เกิดภาวะ “ย่อยยับ” ตอนนั้นแทนที่จะละอาย ไม่เลยค่ะ ใจมันยิ่งลำพอง นั่น มันน่ากลัวขนาดไหน ทำชั่วก็ไม่รู้ตัว แถมยังลำพองซ้ำ โอย เปรตชัดๆ รับกรรมหนักก็ลงนรกก่อน ชดใช้ในนรกหมด ค่อยจะถอยออกมาเป็นเปรต หมดจากความเป็นเปรตก็ค่อยจะว่ากัน
ดูซิ คิดง่าย ๆ กว่าจะได้มาเป็นคน แบบที่เป็นได้มันยากแค่ไหนเนี๊ย ย้อนเห็นตนเองที่ทำกรรมทั้งไปเป็น เปรตเสือและเปรตงูเหลือม รวมถึงความกล้าหาญในทางชั่ว พอทำนะ สิ่งแรกที่เกิดขึ้นเลยคือ ผิวกายผิวหน้าจะร้อนขึ้น หนักๆจะเหมือนมีเข็มแทงตามรูขุมขน ที่ชัดขึ้นคือ ตัวจะเหม็น หนูชอบเปรียบแบบให้ตนเองเห็นว่า เหมือนตัว สะกั๊ง

5. จากบทเรียนที่ได้เรียนรู้นี้จะทำอย่างไรเพื่อป้องกันความผิดพลาดไม่ให้เกิดขึ้นอีกหรือที่ดีแล้วจะได้พัฒนาต่อไป
- การไปจังหัน แม้จะเคยพลาดไม่ใช่จะเลิก ก็จะยังทำและทำใหม่
-อดข้าว เช็คใจตนเอง ก่อน
- ต้องปรับกับตนเอง เรื่องความรับผิดชอบและการไม่ช้า
-กับคำสอนครูที่ท่านเมตตา ทำให้หนูต้องสำรวมระวังความโกรธ ความโลภของตนเอง

ศีล
1. ไม่ฆ่า ไม่เบียดเบียน
วันนี้ เบียดเบียนไปหลายคน ทั้งที่งานที่ค้างอยู่ ผู้ร่วมประชุม แก้ไข เรื่องความรับผิดชอบ ต้องต่อสู้ตัวนี้ให้ได้
2. ไม่ลักทรัพย์ไม่หยิบเอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้
-กับงานที่ทำ มันบกพร่อง วันนี้มันไม่เต็มที่นะ

3. ประพฤติพรหมจรรย์
ราคะมันครอบมาตั้งแต่ เริ่มนั่งลงหน้าเครื่องคอม แค่เปิด FB ใจวูบลงไป เหมือนหนูมุดลงไป ใจระลึกถึงคำครูที่ว่า เวลาหนูนั่งรับข้าวที่ ศาลา หนูก้มจนเหมือนจะเอาหัวมุดลงไปในกะละมังข้าว ข้างในมันวูบลงไปแบบนั้นเลยไม่ว่า หนูจมกับเรื่องอะไร เผลอทีไรข้างในมันมา ตกหลุมนี้ จะสั้นจะยาวก็ตามแต่ครั้งคราวค่ะ
4. ไม่โกหก ไม่พูดส่อเสียด
บอกแล้วทำไม่สำเร็จ เข้าประชุมช้าทั้งที่รู้ นี่คือ เจตนาทำผิด ต้องแก้้ไข ทั้งที่วันนี้ควรจะไปดู ถุงพลาสติก แต่พอเลิกประชุมร้านก็ปิดแล้ว แก้ไขโดยการ พรุ่งนี้ไปช่วงเที่ยง

5. ไม่ดื่มเหล้า ไม่ขาดสติ
เผลอตัวบ่อย ๆ เวลาที่ หยิบมือถือขึ้นมาเขี่ย เมื่อก่อน ครูท่านเมตตาสะกิดก็มีขุ่น แต่ตอนนี้ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ค่ะ
6. ไม่ทานอาหารหลังเที่ยง
ตกเย็นมาก็หิว แต่ลึกๆมันอายตนเองที่ ตั้งใจจะอดข้าว แล้วทำไม่ได้ค่ะ

7. ไม่ร้องเพลง ดูละคร ไม่ใช้เครื่องประทินผิว
ใจมันยังคะนองคะ แก้กับตนเอง ว่า พอมันอยากดูคลิปก็เปิดคลิปการปฏิบัติของผู้อื่น จะรู้สึกมีกำลังใจค่ะ
8. ไม่นั่งนอนบนที่นอนสูง ยัดนุ่นหรือสำลี
เมื่อคืนกะว่า จะไม่นอน พอเดินจงกรมเสร็จ แล้ว ขัดสมาธินั่ง มารู้สึกตัวอีกที หลับลงท่าตะแคงขายังอยู่ในที่พับขัดสมาธิ หัวนอนราบเตียงตั่ง หัวไหล่ซ้ายชา เป็นคำตอบว่า ทำไมเส้นเอ็นหนูมีปัญหา ก็กิเลสเอาไปกินให้อยู่ในท่าที่จะทำให้ปวดเส้นเอ็นได้มากขนาดนี้ ต้องแก้ไขโดย ถ้าข้างในงัวเงีย อย่าให้กิเลสมันหลอกว่า นั่งสมาธิเอาก็ได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก หลายครั้งหลายที น่าจะเกิดการเรียนรู้แก้ไขได้แล้ว

หมายเลขบันทึก: 604340เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2016 19:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 มีนาคม 2016 19:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท