สวัสดีครับชาว Blog และลูกศิษย์ห้องเรียนผู้นำของมหาวิทยาลัยทักษิณ
วันนี้เข้าสู่ช่วงที่ 6 ของการเรียนรู้สำหรับห้องเรียนผู้นำของมหาวิทยาลัยทักษิณ ผมขอเรียนว่า "TSU Leader Class" ซึ่งในช่วง 6 วันนี้ เราจะเน้นเรื่อง
จากแนวคิดทางการตลาด.. สู่การปรับใช้กับการทำงานของมหาวิทยาลัยทักษิณ Case Studies and Intensive Management Workshop (5): TSU Positioning in Thailand and ASEAN+6 และกิจกรรม CSR: Public Spirit - Enlarge your networks ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเรียนรู้ร่วมกันในช่วงนี้ ลูกศิษย์ของผมจะได้รับมุมมองที่เป็นประโยชน์มาปรับใช้กับการพัฒนาตนเอง องค์กร และสังคมของเรา
ผมขอใช้ Blog นี้ เป็นคลังความรู้สำหรับกิจกรรมในช่วงที่ 6 ของเราครับ
โปรดคลิกที่ลิ้งค์นี้เพื่ออ่านข่าวโครงการ
http://www.gotoknow.org/posts/604250
ที่มา:FIHRD-Chira Academy Newsletter รายปักษ์. ประจำวันที่ 29 มีนาคม-12 เมษายน 2559
http://www.gotoknow.org/posts/605086
ที่มา: FIHRD-Chira Academy Newsletter รายปักษ์. ประจำวันที่ 18 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2559
โปรดคลิกที่ลิ้งค์นี้เพื่อดูข่าวโครงการ
https://www.youtube.com/watch?v=7W0s7Yqdy2A&feature=youtu.be
ที่มา: รายการ คิดเป็น…ก้าวเป็น กับ “ดร.จีระ” ตอน: กรณีศึกษา CSR มหาวิทยาลัยทักษิณกับการเรียนรู้อยู่คู่ชุมชน ออกอากาศวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2559
โครงการพัฒนาผู้นำและนักบริหารเพื่ออนาคตของมหาวิทยาลัยทักษิณ
สรุปการบรรยายวันที่ 31 มีนาคม 2559
วิชาที่ 25 กิจกรรมรักษ์กาย-รักษ์ใจ
การระบายสีน้ำ
อาจารย์สาโรจน์ อนันตอวยพร
ละลายพฤติกรรมโดย คุณเอ
การเรียนในวันนี้จะเป็นลักษณะ Learning by sharing
ผู้ชายส่วนมากเมื่ออายุมากขึ้นจะใช้สมองซีกซ้ายมากกว่าซีกขวา เป็นลักษณะการใช้เหตุผล และตรรกะ
ผู้หญิงจะใช้สมองซีกขวามากกว่าซีกซ้าย จะชอบจินตนาการไปก่อน
ดังนั้นจึงควรพยายามปรับให้สมดุลกัน
การเป็นผู้นำที่ดีจะสอนใครก็ตาม แต่ถ้าไม่ทำเป็นตัวอย่างจะไม่ประสบความสำเร็จ เรียกว่าตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน
กิจกรรมคลายเครียด
- จับส่วนที่เป็นเอว หายใจเข้าลึก ๆ พุงป่อง หายใจออกพุงยุบ
- ให้จับพุงแล้วหายใจเข้าพูดโอ๋ และออก โอ๊ะ ๆ ๆ ๆ
- ยืนแยกขาแล้วหายใจเข้าพูดโอ๋แล้วสะบัดมือ
- เอามือจับหน้าอก หายใจเข้าแล้วพูดอ๋า หายใจออกพูด อ๊ะ ๆ ๆ ๆ
- เอามือจับคอ หายใจเข้าแล้วพูดอู๋ หายใจออกแล้วพูดอุ๊ ๆๆๆๆ
- เอามือจับกระหม่อม หายใจเข้าแล้วพูดเอ๋ หายใจออกพูดเอ๊ะ ๆๆๆๆ
- กางขา กางมือ หายใจเข้าแล้วพูดอ๋า หายใจออกพูด อ๊ะ ๆๆๆๆ
- เอานิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง ของมือทั้งสองข้างชี้นิ้วไปข้างหน้าอยู่ข้างตัวเองแล้วพูด อู๋ หายใจออกพูด อุ๊ ๆ ๆ ๆ
- จับคู่แล้วเอาสองมือแบที่หู หายใจเข้าแล้วพูดเอ๋ หายใจออกแล้วพูดเอ๊ะ ๆ ๆ ๆ
การบริหารเพื่อคลายเครียด
- การพูดโอ๋เป็นการบริหารส่วนท้อง
- การพูดอ๋าเป็นการบริหารส่วนทรวงอก
- การพูดอู่เป็นการบริหารอวัยวะภายในที่เป็นลำคอ รวมต่อมไร้ท่อต่าง ๆ
- การพูดเอ๋ เป็นการบริหารสมองส่วนหน้า หรือเรียกว่าขมับ
สรุปคือถ้าบริหารในสิ่งเหล่านี้ได้จะช่วยคลายเครียดได้อย่างดี
การบรรยายสีน้ำ
โดย อาจารย์สาโรจน์ อนันตอวยพร
สีน้ำ ต้องเรียน ต้องรู้ ต้องเข้าใจและต้องปฏิบัติ สีน้ำจะว่ายากก็ยาก ง่ายก็ง่าย ระหว่างสีน้ำ สีน้ำมัน สีอคริลิก อยู่ที่พื้นฐานเท่ากัน แต่สำคัญอยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์มากกว่า
สิ่งสำคัญที่จะต่อคือ การใส่อารมณ์ ความรู้สึกไป ต้องหาสไตล์ตัวเองให้ได้
ศิลปะบางทีเห็นว่าใช่ แต่บางทีเอาไม่อยู่
ศิลปะเพื่อบำบัด
1 การเรียนคลาสแรกของศิลปะอาจเครียด แต่จะช่วยบำบัดได้เมื่อเรียนคลานที่สองหรือสามแล้ว
2. ศิลปะขึ้นอยู่กับรสนิยม คนจะเชยหรือไม่เชยเป็นเรื่องของเขา แต่ความเป็นรสนิยมขอให้เป็นสไตล์ เป็นสไตล์ใครสไตล์มัน รสนิยมใครรสนิยมมัน อาร์ตได้แต่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้
โดยปกติศิลปะจะรู้เรื่องแสง เงา และน้ำหนัก ข้อดีหรือเด่นอยู่ที่กระบวนการหรือเทคนิคพื้นฐานที่ให้
ประวัติความเป็นมา
วิธีการรักษาภาพเขียนสีน้ำ
1. ต้องมีกระจกหรือพลาสติกกั้น
2. ต้องใช้กระดาษดี
การเขียนสีน้ำ
สีน้ำไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางการวาดเขียนมาก่อน
การเขียนสีน้ำจะเขียนด้วยวิธีใครแล้วแต่คน
อาจขึงเปียกหรือไม่ขึงเปียก
กระดาษอัดร้อนหรือเย็น
สีน้ำใช้อะไรก็ได้ แต่อย่าใช้สีตราม้าเหมือนที่เด็ก ๆ ใช้จะใช้แล้วไม่นิ่ง
วัสดุอุปกรณ์ในการระบายสีน้ำ วัสดุที่จำเป็น
5. จานระบายสี (Palette)คือภาชนะแบนมีแอ่งสำหรับใส่สี ควรมีสีขาว
6. พู่กันสีน้ำ (Brush) มีลักษณะ คือกลมพอง กลมปลายแหลม และ แบนปลายตัด
7. ภาชนะใส่น้ำ (Water Container) ควรมี 2 ใบ สำหรับน้ำผสมสีและใส่น้ำล้างพู่กัน
8. อุปกรณ์เสริม เช่น ฟองน้ำ ผ้าเช็ดมือ ฯลฯ
ความเข้าใจเกี่ยวกับสีน้ำ
1. จิตรกรรมสีน้ำ เป็นพฤติกรรมตอบสนองจากการรับรู้ของมนุษย์ด้วยมือและสมองผสมกับความคิดสร้างสรรค์ที่ติดตัวมา ก่อให้เกิดเป็นรูปแบบศิลปะประเภทหนึ่ง
2. สีน้ำมีคุณสมบัติคือ
3. สีน้ำมีคุณค่าของความเรียบง่ายและด้านความรู้สึกของบรรยากาศ
เทคนิคและวิธีการระบายสีน้ำ
เทคนิคมี 4 อย่างแต่ส่วนใหญ่ใช้ 2 อย่างคือแบบเปียกบนเปียก หรือเปียกบนแห้ง
1. การระบายแบบเปียกบนเปียก (Wet into Wet)
หมายถึงการระบายน้ำลงบนกระดาษก่อนแล้วจึงระบายสีตามที่ต้องการลงไป
เทคนิคนี้จะให้ความรู้สึกกลมกลืนและมีเทคนิคสำคัญ 2 ประการ คือ
- การไหลซึม (Mingling)
- การไหลย้อย (Dripping)
2. การระบายแบบเปียกบนแห้ง (Wet into Dry)
หมายถึงการระบายสีบนกระดาษที่ไม่ต้องลงน้ำก่อนเป็นวิธีระบายทั่วไป
มีเทคนิคสำคัญ 3 ประการ คือ
การระบายเรียบสีเดียว (Flat Wash)
การระบายอ่อนแก่เรียบสีเดียว (Grade Wash)
การระบายเรียบหลายสี (Color Wash)
3. การระบายแบบแห้งบนแห้ง (Dry on Dry)
หมายถึงการระบายสีที่ใช้พู่กันจุ่มสีน้อยแล้วระบายอย่างรวดเร็วบนกระดาษ วิธีนี้ศิลปินจีนและญี่ปุ่นชำนาญมากเพราะคล้ายคลึงกับตัวอักษรของเขา เทคนิคนี้มีประโยชน์ในการเน้นส่วนใดส่วนหนึ่งเพื่อให้เด่น
มีเทคนิคสำคัญ 3 ประการ คือ
การแตะ (Stamping)
การป้าย (Splashing)
การผสม (Mixed Technique)
4. การระบายแบบเทคนิคพิเศษ
หมายถึงการระบายโดยการใช้สารเคมี วัตถุหรือสื่อวัสดุอื่นๆร่วมกับการระบายสีแบบปกติ
เพื่อให้เกิดผลที่แปลกและน่าสนใจ
สรุป
วัสดุอุปกรณ์
- สีควรมีอย่างน้อย 8-10 สี (สีดี ๆ ส่วนใหญ่หลอดเป็นร้อย ถ้าต่ำกว่า 50 บาทส่วนใหญ่เป็นสีไม่ดี)
- วัสดุหรือสีดีจะช่วยได้
- พู่กันต้องมีแบบกลม แบน และยาว ใครถนัดใหญ่ใช้ใหญ่ ใครถนัดเล็กใช้เล็ก
- กระดาษในสารบบจะไม่แนะนำร้อยปอนด์ เหมือนตอนที่เคยเรียนตอนเด็ก แต่อยากให้ลองใช้กระดาษอาร์ต 100 จะดีกว่า
- เปียกบนเปียกไม่มีขอบ เปียกบนแห้งจะมีขอบ
- สีที่บีบให้พอใช้ให้บีบขนาดยาสีฟัน สีที่มากหน่อยคือสีน้ำเงิน สีอุลตร้ามารีน
อุปกรณ์
กระดาน กระดาษอาร์ต 100 กระดาษกาวน้ำ พู่กัน 3 แท่ง ถังพร้อมน้ำ สี ภาพตัวอย่าง ดินสอ ผ้าขนหนูชุบน้ำ
วิธีการเริ่มเขียนสีน้ำ
- เอากระดาษกาวน้ำติดมุมข้างบน ฝั่งยาวสองสั้นสอง เพื่อขึงกระดาษกับแผ่นกระดาน
- เห็นรูปแล้วเริ่มถอดแบบ เช่น สีเข้มทับสีอ่อน แบ่งส่วนกระดาษเป็น 1 ใน 3
- แจกดินสอ หรือพู่กันแบ่งเศษ 1 ส่วน 3 ส่วนบนมากกว่าล่างนิดหน่อย ขีดเส้นตรง
- การบีบสีให้เรียงจากสีเข้มไปสีอ่อน ให้เรียงสีไว้ ให้ดูวงจรสี (จานสีควรซื้อแบบปิดฝา)
- เลือกสัดส่วนสีที่ผสมว่าอยากไปโทนสีไหนมากกว่าให้ใช้สีนั้นมากกว่า ค่อย ๆ ผสมไปดูว่าออกไปโทนไหน ค่อย ๆ ผสมในจานสีให้ได้สีที่ชอบ
รูปภาพเกาะหมูเกาะแมว
ขั้นที่1 ระบายฟ้า
ใช้เทคนิคเปียกบนเปียก
- วางกระดาษแนวนอน ระบายฟ้าบนกระดาษที่ขนาด 2 ใน 3 ด้วยพู่กันแบบใหญ่
- เตรียมสีไล่สีจากสีอ่อนไปสีเข้ม ให้ดูตัวอย่างจากวงจรสี (จานสีอาจควรซื้อแบบปิดฝา)
- ทากระดาษด้วยน้ำตรงส่วนที่จะให้เป็นฟ้า เลือกสีอ่อน จุ่มน้ำ แล้วระบายบนกระดานที่แนวนอนเปียกฉ่ำ ๆ แล้วเอียงกระดานไปมา เช่นเลือกสีเหลือง สีส้มสำหรับทำให้สว่าง
- เลือกสีเข้มขึ้น จุ่มน้ำ แล้วระบายส่วนที่เหลือหรือส่วนที่ทับเดิม เช่นเลือกก้อนเมฆสีม่วง สามารถทำเป็นสายฝนโดยเอียงกระดานให้เหมือนเมฆมีสายฝน
- เลือกสีน้ำเงิน (อความารีน) ซึ่งเป็นสีเข้ม เพื่อคุมโทนให้เป็นสีน้ำเงินหลักอีกที แล้วเอียงกระดานไปมา
- ถ้าน้ำมากสีจะอ่อน น้ำน้อยสีจะเข้ม และเราสามารถระบายสีทับอีกทีเพื่อแก้ไข)
เริ่มต้นวางกระดานแนวนอนก่อนแล้วค่อยเอียงกระดาน
ขั้นที่ 2 ระบายทะเลและทราย
ใช้เทคนิคเปียกบนแห้ง
- ทำทะเล โดย ผสมสีฟ้า สีเขียว สีน้ำเงิน
- เลือกพู่กันขนาดกลมกลาง จุ่มสีที่ผสมระบายต่อเนื่องจากส่วนติดกับท้องฟ้าเป็นเส้นประมาณ 1 นิ้วไล่ลงมาจนเต็มในส่วนที่ต้องการให้เป็นทะเล และจะเห็นขอบสีที่ไหลลงมาก็ระบายสีต่อเพื่อให้สีเรียบ
- ทำพื้นทราย โดยผสมสีเหลือง ส้ม น้ำตาล อยู่ด้านล่างซ้ายตามแบบ
- เทคนิคการทำคลื่นโดยใช้กระดาษทิชชู่ม้วนแห้งเป็นก้อน ๆ ซับส่วนที่เปียกตรงส่วนที่ระบายสีน้ำเงินที่เป็นทะเล ถ้าซับหนักจะเป็นคลื่นสีขาว ซับอ่อนจะเป็นสีเทา ๆ
ขั้นที่ 3 ทำโขดหินกลางทะเลที่มีต้นไม้ และโขดหินไกล ๆ
ใช้เทคนิคระบายแบบเปียกบนแห้ง
ส่วนที่ 1 ทำโขดหินที่มีต้นไม้อยู่บนฝั่งขวาของกระดาษ
- เอียงกระดานประมาณ 5-10 องศาตามความต้องการรูปภาพ
- ใช้พู่กันกลมผสมสีทำโขดหินใช้สีน้ำเงินและสีม่วง ทำเป็นโขดหิน สีถ้าบางผสมให้เข้มนิดนึงแต่ แต่อย่าเข้มเกินและอย่าใช้สีเพียว ระบายเป็นโขดหินกลางทะเล (มุมขวา)
- ทำพุ่มต้นไม้ใช้สีน้ำเงินผสมสีเขียวทำเป็นพุ่มไม้โดยระบายเป็นพุ่ม ๆ ต้นไม้ พุ่ม ๆ
- ทำใบมะพร้าว นำสีที่ผสมวาดเป็นต้นมะพร้าว เป็นแฉก ๆ ใช้วิธีสะบัดพู่กันขึ้นเป็นแฉกจากจุดตรงกลางไปปลายใบมะพร้าว ทำหลายต้น แต่ไม่ให้เบียดกันมาก เพราะต้นมะพร้าวอ่อน ๆ ทำไฮไลต์เข้ม ๆ สีเขียวเข้มขึ้น เพื่อเป็นเงาตรงใบมะพร้าวให้เหมือนมีแสงส่อง
- ใช้พู่กันไฮไลต์จุ่มสีน้ำตาลผสมทำก้านมะพร้าว
ส่วนที่ 2 ทำโขดหินไกล ๆ ตรงสุดทะเล
- ใช้สีม่วงผสมสีน้ำเงินทำเป็นเกาะสองเกาะ
ขั้นที่ 4 ทำโขดหินที่ทราย ทิศทางคลื่นและองค์ประกอบภาพ
ใช้เทคนิคระบายแบบเปียกบนแห้ง
ส่วนที่ 1 ทำโขดหินที่ทราย
- ร่างโขดหินที่เราต้องการ
- ใช้สีน้ำตาลผสมระบายเป็นก้อนหิน
- ใช้สีน้ำตาลผสมสีม่วงสีน้ำเงินระบายก้อนหินเป็นเงา
- ใช้สีน้ำตาล แต้มตรงทรายทำเป็นเงา
ส่วนที่ 2 ทำทิศทางคลื่น
- ใช้สีน้ำเงินอุลตร้ามารีน ระบายเป็นทิศทางคลื่น
ส่วนที่ 3 ตกแต่ง
ใช้เทคนิคระบายแบบแห้งบนแห้ง
- ขีดเส้นตกแต่ง ระบายเป็นเสากระโดงเรือ รอยแตกของหิน และเม็ดกรวดทรายต่าง ๆ
ชิ้นงานที่ 2 วาดภาพวิว
- กระดาษที่แจกจะเขียนได้ 2 ด้าน (เป็นกระดาษดีหน่อย กระดาษบอกกิ้งฟอร์ด)
- ให้ลูบน้ำที่กระดาษให้เปียกฉ่ำทั้ง 2 ด้าน แล้วทิ้งไว้ 2 นาที
- ติดกระดาษกับกระดานด้วยกระดาษกาวน้ำ โดยให้ติดด้านที่ไม่เป็นลอนก่อน แล้วพยายามรีดกระดาษให้เรียบ
วิธีการ
1. แบ่งกระดาษเป็น 1ใน 3
2. การระบายสีครั้งแรกให้ชุ่มน้ำฉ่ำ ๆ ตรงส่วนที่จะวาดท้องฟ้า
หมายเหตุ : การลดความหนืดและเป็นมันของสีให้ผสมกับสีอื่นด้วย
ขั้นตอนที่ 1 วาดท้องฟ้า วาดต้นไม้
วาดท้องฟ้า
1. วางแสงสว่าง วางก้อนเมฆ (เวลาฝึกให้ฝึกก้อนเมฆเข้มก่อนก้อนเมฆขาว)
2. ลงสีอ่อน ๆ ก่อน อย่างสีเหลือง สีส้ม ชมพู แต่ขออย่าลงสีเขียวไปลงบนท้องฟ้าเพราะจะดูไม่สวย
3. วาดเมฆ
ลงสีม่วง สีน้ำเงิน ทับ แล้วเอนกระดานไปมาให้สีค่อนข้างแห้ง
วาดต้นไม้
1. ผสมสีม่วง น้ำเงิน เขียว วางเป็นต้นไม้พุ่ม ๆ
2. วาดต้นไม้เป็นต้น ๆ เช่น มะพร้าว ต้นสน ใช้สีเขียวเข้มขึ้น และทำให้ดูภาพมีมิติ
ขั้นตอนที่ 2 วาดหญ้า และวาดน้ำสะท้อน
วาดหญ้า
ใช้เทคนิคเปียกบนแห้ง
1. เริ่มจากสีเหลืองตรงกลาง มีมิติ และวาดสีเขียวอ่อนเป็นพื้นหญ้า ตัดระหว่างพุ่มไม้ไกล
วาดพื้นน้ำ
ใช้เทคนิคเปียกบนเปียก
1. ตีเส้น พื้นน้ำ
2. ใช้สีเหลืองอ่อนเป็นพื้นน้ำ และวาดให้เหมือนสะท้อนกับท้องฟ้า และต้นไม้
3. ทำลายน้ำกระเพื่อมใช้กระดาษชุบน้ำบางส่วนเป็นเส้น ๆ หรือพู่กันแห้งเขียนเป็นเส้น
ขั้นตอนที่ 3 วาดดอกไม้
ใช้เทคนิคเปียกบนแห้ง
1. ลากเส้นดินสอเป็นแปลงดอกไม้ทำเป็นขั้น ๆ แบบไม่ต้องตรง
2. ใช้พู่กันจิ้มสีชมพูทำเป็นดอกไม้ในแปลงหนึ่งเป็นดอก ๆ เล็ก ๆ มีสีอ่อนและสีแก่ (พู่กันลากดอกขึ้นหรือลงแล้วแต่ถนัด)
3. จิ้มสีเขียวทำเป็นใบหรือก้านห่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องทุกดอกแค่แซม ๆ
ขั้นตอนที่ 4 วาดต้นไม้ใหญ่
ใช้เทคนิคเปียกบนแห้ง
1.ใช้วิธีปัดพู่กันขึ้นเป็น 3 เส้น ทำเป็นโทนสีเขียวอ่อน เขียวแก่ และทำเป็นพุ่ม ๆ เว้นตรงช่วงกลางเพื่อทำลำต้นเป็นสีขาว (พู่กันลากขึ้นหรือลงแล้วแต่ถนัด)
2. ตรงไหนที่ทำสีแก่ ในชั้นที่สองที่ทำอีกครั้งให้แซมเป็นสีอ่อน ตรงไหนทำสีอ่อน ในส่วนแซมให้เป็นสีแก่
3.ลากเส้นสีที่ยังไม่แห้งเป็นลำต้นมาสู่พื้นดิน (สีจะสอดคล้องกับต้นไม้)
4. ใช้บัตรแข็งขูดตรงต้นไม้ที่ยังหมาด ๆ จะเป็นกิ่ง
คำถาม
1. สิ่งที่ได้วันนี้สอดคล้องกับอะไรที่ไปใช้ในอนาคต
- การใช้ภาวะผู้นำมีความจำเป็นในการต้องใช้หัวสมองฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ผู้นำต้องมีความจำเป็นที่ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์คือใช้สมองซีกซ้ายในการบริหาร และใช้สมองซีกขวาในการครองใจคน
การได้เรียนรู้ศิลปะทำให้ทุกคน (ไม่เฉพาะแค่ผู้นำ) เกิดภาวะผ่อนคลาย สามารถปรับสมดุลย์ทั้งร่างกายและจิตใจให้เกิดภาวะสงบ เป็นการฝึกสมาธิในขณะที่ได้ผ่อนคลายไปด้วย งานศิลปะไม่มีถูกผิด ทำให้ไม่เกิดความกดดันต่อผู้รังสรรค์งาน จากภาวะการทำงานของผู้บริหารที่ค่อนข้างมีตารางการทำงานที่ใช้สมองเยอะ และมีตารางเวลาแน่น อาจจะทำให้เกิดโรคที่มีสาเหตุจากความเครียดได้ การหาสมดุลย์ให้ชีวิตด้วยการมีงานอดิเรก จะทำให้ผู้บริหารได้อยู่กับตนเอง เกิดความสุขภายในใจ ไม่วุ่นวายกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวอยู่ตลอดเวลา สรุปคือผู้บริหารควรมีกิจกรรมที่ตนเองชอบและแบ่งเวลาจากการทำงาน และจากสถานที่ทำงาน มาปรับสมดุลย์ให้ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการบริหารสมองด้วยศิลปะ
ศิลปะเป็นศาสตร์ที่ทำให้เราได้ใช้ความรู้ทางวิชาการร่วมกับจินตนาการ การวาดภาพด้วยสีน้ำในวันนี้เป็นเรื่องใหม่มาก แตกต่างจากการะบายสี การลงสีบนกระดาษด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่ได้ทดลองทำ เกิดการเรียนรู้ปแบบใหม่โดยการเลียนแบบ เป็นสิ่งที่แปลงเพราะไม่มีใครวาดได้เหมือนกับต้นฉบับ แม้กระทั่งตัวศิลปินเอง อาจเป็นเพราะในขณะที่วาด เราได้ใส่ความรู้สึก จินตนาการ และความสร้างสรรค์ลงไปด้วย ซึ่งเกิดขึ้นแบบไดนามิค
การฝึกสมองซีกสร้างสรรค์ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ถนัดการใช้เหตุผล สิ่งที่รู้สึกได้คือ หากเราใช้สมองฝั่งเหตุผลบ่อย ๆ จะรู้สึกล้า ในขณะที่การใช้สมองอีกด้าน กลับรู้สึกผ่อนตลาย จึงถือเป็นเรื่องดีที่เราได้เรียนรู้ศิลปะโดยการใช้สีน้ำ น้ำเป็นสิ่งมหัศจรรย์ แต่งเติม ผสม สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดสีใหม่ ๆ เหมือนกันที่เราต้องปรับเปลี่ยน สร้างความกลมกลืนของจิตและอารมณ์ รักษาจิตใจให้มีสมาธิ เพื่อให้จิตเกิดปัญญาในการดำเนินชีวิต
บางเรื่องของชีวิตก็ต้องมองให้เป็นศิลปะ ใช้ใจในการตัดสิน คงต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้ และฝึกเพื่อให้เกิดทักษะ ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายในช่วงเวลาที่ทำงานหนัก ๆ
จากการได้ร่วมโครงการพัฒนาผู้นำและนักบริหารเพื่ออนาคตของมหาวิทยาลัยทักษิณ รุ่นที่ 1 (ช่วงที่ 6 ระหว่างวันที่ 31มีนาคม - 1 เมษายน 2559) ได้รับความรู้ทางด้านศิลปะ การเขียนสีน้ำ เทคนิคต่างๆ ทำให้รู้ว่าวิธีการสร้างสรรค์งานศิลปะนั้นมีกระบวนการที่เป็นขั้นตอน มีการวางแผน ต้องคิดว่าจะทำอะไรก่อน อะไรหลัง กว่าชิ้นงานจะสำเร็จ ต้องใช้สมาธิ ใจเย็น ค่อยๆทำไป ก็จะได้ชิ้นงานที่สวยงาม เช่นเดียวกับการทำงานในด้านการบริหารที่เราต้องมีความคิดสร้างสรรค์ มีการวางแผนที่ดี และลงมือทำ เพื่อให้งานนั้นสำเร็จตามจุดมุ่งหมาย
การวาดรูปด้วยสีน้ำ เป็นสิ่งที่ชอบมากและฝันว่าวันนึงจะได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งๆ ในที่สุดความฝันเล็กๆเป็นความจริง มีความสุข ได้รับรู้ถึงความนิ่ง สงบ ในท่ามกลางความวุ่นวาย และได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ขอบคุณมากค่ะ
โครงการพัฒนาผู้นำนักบริหารเพื่ออนาคตของมหาวิทยาลัยทักษิณ (ช่วงที่ 6 ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม-1 เมษายน 2559)นั้นกระผมมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความรู้ทางด้านศิลปะ การเขียนสีน้ำด้วยเทคนิคและวิธีการต่างๆ ซึ่งสามารถทราบได้ว่าในการสร้างสรรค์งานศิลปะนั้นมีกระบวนการที่เป็นขั้นตอน มีกระบวนการวางแผน ว่าควรจะทำอะไรก่อนและอะไรหลัง ต้องใช้สมาธิ ใจเย็น ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการทำงานว่าคนเราจะต้องมีกระบวนการวางแผน มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้งานนั้นสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ตลอดจนการลงพื้นที่ตะโหมดนั้น ส่งผลให้เข้าใจถึงบริบทของพื้นที่และได้ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าที่สุด คือน้ำ เพราะได้มีโอกาสร่วมสำรวจฝาย
บทสรุปการเรียนรู้ (31มีนาคม - 1 เมษายน 2559)
การเป็นผู้นำที่ดี ต้องใช้สมองทั้งซีกซ้ายและขวา ศิลปะสีน้ำเป็นการพัฒนาความคิดด้วยสมองซีกสร้างสรรค์ ผู้นำที่ดีต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์
การวาดภาพสีน้ำทำให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และสนุกสนานกลับมาอีกครั้ง เพราะครั้งหลังสุดที่จับพู่กันก็คงจะเป็นในวิชาศิลปะตอน ม.ปลาย การได้ฟื้นฟูความรู้ด้านศิลปะในวันนี้ตอนเช้าเริ่มต้นด้วยความกังวล แต่จบตอนบ่ายด้วยความผ่อนคลายและสนุกสนาน แถมได้ผลงานสวยๆกลับบ้านด้วย
ศิลปะมีมากมายหลายสาขา มนุษย์สามารถเสพได้หลายทาง ส่วนใหญ่ก็เป็นการรับรู้ทางสายตา นอกจากนี้ศิลปะแขนงอื่นอาจเป็นการรับรู้ทางหู อย่างเช่น ดนตรี หรือบางสาขาอาจเป็นการรับรู้ร่วมกันระหว่างตาและหูอย่าง เช่น ศิลปะการแสดงที่เป็นศิลปวัฒนธรรมประเภท รำ โนรา ลิเก รวมไปถึงภาพยนตร์ เป็นต้น
ศิลปะการเขียนสีน้ำก็เป็นสาขาหนึ่งของทัศนศิลป์ซึ่งนอกจากเป็นการกระตุ้นให้สมองได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังเป็นการช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน การชื่นชมผลงานอย่างมีความสุขไม่ว่าผลงานจะมีความสวยงาม แค่ไหนก็ตาม
มหาวิทยาลัยควรมีช่องทางให้บุคลากร นิสิตได้มีประสบการณ์สุนทรียะ เพื่อเติมเต็มความเป็นมนุษย์ ทำให้จิตใจอ่อนโยน สมองได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสม ทำให้ทำงานและเรียนอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถใช้ศิลปะมาบำบัดจิตใจตนเองได้เมื่อมีปัญหาในการเรียน หรือการใช้ชีวิต
การบริหารจำเป็นต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์
ดังนั้นผู้บริหารในศตวรรษที่ 21 ต้องมีทักษะของศาสตร์การบริหารที่แท้จริงและทักษะของศิลป์การบริหารที่ลึกซึ้ง
ศิลปะเป็นการสร้างสมดุลของการใช้ชีวิต ปกติผู้บริหารมักจะต้องใช้สมองส่วนใหญ่ในการคิด วิเคราะห์ วางแผน กำกับ ติดตามและแก้ปัญหาในองค์กรอาจจะส่งผลทำให้เกิดความเครียด การใช้ศิลปะเข้ามาช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย การปล่อยวางและขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างสมาธิในช่วงของการทำงานศิลปะ ทำให้เป็นการปลุกพลังให้เกิดขึ้นพร้อมที่จะทำงานต่อไป
สรุปบทเรียนช่วงที่ 6 กิจกรรมรักษ์กาย-รักษ์ใจ
เรียนเรื่องนี้มีความสุข สนุก ชีวิตมีความสุขมาก ได้มีกิจกรรม ได้เขียนภาพระบายสี เป็นการฝึกสมาธิ ฝึกความคิดสร้างสรรค์ และที่สำคัญคือ ฝึกอยู่กับตัวเอง ศิลปะทำให้คนมีสุนทรียะ มีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์มากขึ้นมหาวิทยาลัยควรมีช่องทางให้บุคลากร นิสิตได้มีประสบการณ์สุนทรียะ เพื่อเติมเต็มความเป็นมนุษย์ ทำให้จิตใจอ่อนโยน สมองได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสม ทำให้ทำงานและเรียนอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถใช้ศิลปะมาบำบัดจิตใจตนเองได้เมื่อมีปัญหาในการเรียน หรือการใช้ชีวิต
การเป็นผู้นำต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ โดยศิลปะช่วยให้มีความใจเย็นมากขึ้น มีการคิดและวิเคราะห์สาเหตุและทราบถึงผลลัพธ์ การผสมมีและผลลัพธ์ที่ได้จากการผสมสี การลงสีบนกระดาษ การทาน้ำลงในกระดาษ ทุกอย่างล้วนต้องใช้สมาธิในการทำงานทั้งสิ้น การเป็นผู้นำ การบริหารคนก็ไม่แตกต่างกัน ผู้นำต้องรู้จังหวะ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกล่าวยกย่องชมเชย หรือกล่าวตำหนิทีมงาน เพื่อให้ความเป็นทีมและความทุ่มเทให้กับทีมยังคงอยู่ต่อไป
สรุปบทเรียนช่วงที่ 6 กิจกรรมรักษ์กาย-รักษ์ใจ
กิจกรรมในวันนี้ รู้สึกสนุกสนานมาก การวาดรูปสีนำ้ในวันนี้ทำให้เรียนรู้ว่าการทำงานทุกอย่างต้องอาศัยการเรียนรู้ สิ่งไหนที่ไม่เคยทำไม่ได้แปลว่าจะทำไม่ได้ งานชิ้นแรกอาจไม่ใช่งานที่ดีที่สุด แต่เป็นงานที่ความประทับใจเสมอ การลงสีน้ำบางครั้งเราไม่สามารถลงสีตามใจเราได้ ต้องคำนึงถึงเงื่อนไขหลายๆอย่าง เช่น ต้องรอคอยกระดาษที่เปียกกำลังดี การเลือกใช้สี การระบายสี เทคนิคการใช้พู่กัน หรือแม้กระทั่งความกล้าที่จะจรดพู่กันลงไปบนกระดาษในครั้งแรก ภาพที่วาดอาจไม่เหมือนดังใจเราที่วางแผนเอาไว้ เพราะปัจจัยหลายๆอย่างที่กล่าวมา แต่ไม่ได้แปลว่าภาพนั้นจะไม่มีคุณค่า เพราะยังคงความงามในแบบของมัน
ศิลปะในการเป็นผู้นำก็เช่นกัน อาจไม่มีรูปแบบการบริหารใดที่ทำให้ถูกใจคนทุกคน ทุกที่ ทุกสถานการณ์ เนื่องด้วยเหตุปัจจัยแตกต่างกันตามสภาวะ ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นผู้นำต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอให้สามารถบริหารงานและคนได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์เพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันในองค์กรได้อย่างมีความสุข
ศิลปะเป็นสิ่งที่อยู่ในมนุษย์ทุกคน แล้วแต่ว่าเราจะรับรู้หรือไม่ว่าเมื่อไรจะถูกใช้หรือนำมาใช้....นั้นคือความสมดุลในวิถีชีวิต....การวาดรูปหรือการระบายสีน้ำ เป็นวิธีหนึ่งในการฝึกสมาธิ...ฝึกให้เราได้อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง...เริ่มตั้งแต่ การวางแผน การออกแบบ การลงมือปฎิบัติ และการทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้น.... เป็นวิธีการที่เราสามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานและการดำเนินชีวิต....
การเรียนในช่วงนี้เป็นการเรียนที่รู้สึกว่าสบายและผ่อนคลายที่สุด แต่มากด้วยสาระ เพราะเป็นการเรียนผ่านกิจกรรม ทั้งกิจกรรมคลายเครียด กิจกรรมวาดภาพระบายสี เป็นการบอกและเชื่อมโยงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากช่วงที่ผ่านมาว่า ผู้นำไม่ใช่อยู่กับความเครียดตลอดเวลา แต่ควรมีบางช่วงเวลาที่ต้องได้รับการผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนาความคิด และกระบวนการทำงานได้ดียิ่งขึ้น เป็นการรีเฟรชทุกอย่าง ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสมอง
กิจกรรมระบายสีน้ำ ฝึกให้ผู้นำเรียนรู้และเข้าใจการทำงานที่ต้องการความละเอียดอ่อน ความสุนทรีในอารมณ์และความรู้สึก การฝึกฝนและความอดทน และที่สำคัญคือฝึกความคิดสร้างสรรค์ และการจินตนาการ
สรุปได้ว่าผู้นำต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์อย่างสมดุล จึงจะเป็นผู้นำที่ดี
ในช่วงที่ 6 ได้มีโอกาสเรียนรู้และลงมือปฏิบัติการวาดภาพสีน้ำ ซึ่งเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่จะช่วยฝึกฝนให้ผู้นำมีความสุนทรียมากขึ้น ด้วยศิลปะไม่มีพรมแดน ไม่มีถูกผิด ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว ไม่มีสวยหรือไม่สวย ขึ้นอยู่กับมุมมอง ที่สำคัญคืองานศิลปะจะมีคุณค่ากับผู้ที่เข้าใจศิลปะ
ไม่ได้วาดภาพสีน้ำมานานไม่คิดว่าจะต้องใช้สมาธิมากขนาดนั้นในช่วงเวลานั้นทำให้เข้าใจว่าในการทำงานมีความจำเป็นที่จะต้องนิ่งในบางสถานการณ์ก็จะทำงานได้ดี การทำงานจึงเป็นศิลปะอีกอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ศาสตร์หลาย ๆ อย่างประกอบกันจึงจะสามารถนำไปใช้ได้ดี แม้ว่าจะวาดรูปออกมาตัวเองยังไม่พีงพอใจแต่ก็คิดว่าทำได้ที่สุดแล้ว ทำให้ได้ข้อคิดว่าคนเราจะเก่งทุกเรื่องคงไม่ได้ถ้าเรารู้ทักษะฝีมือเราว่าทำได้ไม่ดี เราก็ต้องขอช่วยคนอื่นให้มาทำแทนได้ในบางเรื่อง ชอบการผสมสีของอาจารย์มันเข้าก้ันได้ดี แต่เวลาเราทำบ้างออกมาไม่สวยเหมือนของอาจารย์ ทำให้รู้อีกว่าจังหวะของการทำงานต้องกะเกณฑ์และตัดสินใจให้ดี อะไรหนัก อะไร เบา วิชานี้ไม่น่าเชื่อเรื่องง่ายแต่ยาก บางวิชายากแต่เราว่าง่าย ก็เหมือนกับการเป็นผู้นำที่มีผู้ตามที่ต้องคอยดูแล สนุกและไม่เครียดชอบมาก ๆ ทำให้เริ่มรักศิลปสีน้ำครับ
การได้เขียนภาพระบายสี เป็นการฝึกสมาธิ ฝึกความคิดสร้างสรรค์ ทำให้จิตใจอ่อนโยน
การใช้ภาวะผู้นำมีความจำเป็นในการต้องใช้หัวสมองฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ผู้นำต้องมีความจำเป็นที่ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์คือใช้สมองซีกซ้ายในการบริหาร และใช้สมองซีกขวาในการครองใจคน