อาชีพครูไม่ควรเป็นอาชีพสำรอง


อาชีพครูไม่ควรเป็นอาชีพสำรอง

อาชีพเหลือเผื่อเลือกของใคร

ไม่ใช่ว่าเรียนอะไรก็ได้

ไม่มีอะไรเรียนค่อยมาเรียนครูไม่ใช่

เป้าหมายของคนเราแต่แรกคืออะไร

ไม่ใช่พอจบอีกสายหนึ่งมาหางานทำไม่ได้

หรือยากเบนสายแล้วบอกว่า มาเป็นครูก็ได้

สอนคนให้รู้หนังสือนะไม่อยากหรอกค่ะ

ใครๆก็สอนได้ สอนคนให้เป็นคนมันยากกว่า

เป็นครูไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะคะ ใช่ใครๆก็เป็นได้

เราอยากได้คนเก่งน่ะใช่ค่ะ

แต่เราก็อยากได้คนที่มีหัวใจเป็นครูด้วย

คนที่พร้อมจะเข้าใจเด็ก

คนที่พร้อมจะทำเพื่อเด็ก

ไม่ใช่ว่ากลัวว่าสายวิชาชีพอื่นจะเก่งกว่า

แต่อาชีพครูถูกพัฒนาให้เป็นวิชาชีพชั้นสูงที่ต้องมีใบประกอบ

วิชาชีพ ดังเช่น แพทย์ วิศวะ

เมื่อก่อนเงินเดือนเริ่มต้น ปี 49 คือ 6300 บาท

จะมีสักกี่คนที่จะทิ้งเงิน 15000 บาท

มาเป็นครูที่ต้องเสียสละ เงิน เวลา ครอบครัว

ของส่วนตัวกลายเป็นของส่วนรวม

ยิ่งโรงเรียนเล็กๆไม่ต้องพูดถึง

เจ็บปวดทุกครั้งเวลาได้ยินใครพูดว่า

เรียนอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ก็มาเรียนครู ก็มาเป็นครู

ทุกวันนี้เงินเดือนข้าราชการครูอาจสูงขึ้นจากเดิม

นั่นเพราะเราต้องการให้คนเก่งๆ เรียนเก่งๆ

ให้อยากมาเป็นครูกันมากขึ้น

มาเข้าในระบบ ปลูกฝัง ค่านิยม ทัศนคติ ของคนเป็นครู

มาปรับวิธีคิด ปรับจิตวิญญาณให้สมกับที่อยากจะเป็นครู

แล้วเราจะมีวิชาชีพชั้นสูงไว้เพื่ออะไร

มีใบประกอบวิชาชีพครูไว้เพื่ออะไร

ถ้าใครๆก็มาเป็นครูได้ โดยไม่เป็นไปตามกติกาที่ควรจะเป็น

จบสายวิชาชีพอื่นเป็นครูได้...เราไม่เถียง

แต่ขอให้ผ่านกระบวนการคัดกรอง กระบวนบ่มเพาะความเป็นครู

คนเรียนครูบางคนอาจจะไม่มีความเป็นครูเท่าคนจบสายวิชาชีพอื่น

ที่อยากจะเป็นครู...

เจาะข้อมูลเชิงลึกดูบ้างว่าคนที่หลายคนว่าครูไม่ดี

มีกี่เปอร์เซ็นต์ที่จบครูมาจริงๆ มีอีกกี่เปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้เรียนครู

ไม่ได้จบครู แล้วมาเป็นครู หรือคิดในุมมกลับกันดู

นึกถึงใจเขาใจเรา...ถ้ารักในวิชาชีพครู...

เราก็มีความสุขในวิชาชีพครู

คุณรู้อะไรไหมคะ ???

ลูกศิษย์ของฉันเก่งๆเดี๊ยวนี้นอกจากอยากเรียนหมอ

เรียนสายแพทย์ วิศวะแล้ว

อยากเรียนครูกันมากขึ้น นั่นส่งผลให้การสอบเข้ามหาวิทยาลัย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา...การแข่งขันเพื่อแย่งที่นั่ง

ในคณะศึกษาศาสตร์ หรือ ครุศาสตร์ ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ

จึงมีการแข่งขันสูงมาก...มากๆพอๆกับหลายคณะ

ที่เคยเป็นยอดนิยมอันดับหนึ่ง

ที่คนเก่งๆเขาไปเรียนกัน

ครูรุ่นใหม่ๆจึงเป็นครูที่มีพื้นฐานสมองดีมากขึ้น เป็นเด็กเรียนเก่ง

ระยะเวลา 5 ปี ของหลักสูตรครูพันธุ์ใหม่

มันคือกระบวนการบ่มเพาะ ขัดเกลา ความเป็นครู

จิตวิญญานของครู

เคยคุยกับเพื่อนๆต่างคณะว่า

"พวกแกรู้ได้ไงว่าสาวๆแต่ละคนเรียนคณะอะไรสาขาอะไร "

ชี้ไปบอกได้เลยว่า คนนี้เรียนครู คนนี้เป็นครู

มันคืออัตลักษณ์เฉพาะตัวของครู

และตอนนี้วิชาชีพครูกำลังดีขึ้นพัฒนาขึ้น

เพราะคนเก่งๆหันมาเรียนครูกันมากขึ้น

มาเข้ากระบวนการขัดเกลาทางปัญญา

กระบวนการขัดเกลาทางสังคมมากขึ้น

สุดท้ายจะจบวิชาชีพอะไร ถ้าอยากจะเป็นครู

ก็ขอให้รักในความเป็นครู มีจิตวิญญาณของครู

เพราะท้ายที่สุดผลจะตกกับผู้เรียน กับประเทศชาติ

ที่จะบ่มเพาะ และสร้างคนขึ้นมา เบ้าหลอมจึงสำคัญมาก

พอๆกับผลิตผลที่จะเจริญงอกงามต่อไป

หมายเลขบันทึก: 603543เขียนเมื่อ 16 มีนาคม 2016 08:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มีนาคม 2016 12:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

คิดดีจังเลยครับ

ขอให้กำลังใจนะครับ น้องคุณครูเทียนน้อย ;)...

-สวัสดีครับ

-อาชีพครู....อาชีพที่ฝันไฝ่...อิๆ

-ยินดีและให้กำลังใจกับครูทุกท่านด้วยนะครับ


อยากเห็นคนดีๆมาเป็นครูครับ

โดยเฉพาะครูในมหาวิทยาลัย

ขอบคุณมากครับ

คุณครูคิดดีที่น่าเผยแพร่มาก ๆ นะคะ

Wasawat Deemarn

เป็นครูต้องอดทน นะคะ อิอิ

คุณเพชรน้ำหนึ่ง

ขอบคุณค่ะ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท