ต่อจาก
สำหรับร้อยตรีถัด รัตนพันธ์ นั้น เกิดวันที่ 21 พฤษภาคม 2431 ที่ตำบลบ้านนาท่อม อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เป็นบุตรของหลวงพรหมสุรินทร์ (หนู รัตนพันธ์) ตำแหน่งหัวเมือง นาท่อม มารดาชื่อ นางจับ (นามสกุลเดิม ณ พัทลุง)
พ.ศ.2454 ร้อยตรีถัด รัตนพันธ์ ได้เข้าร่วมกับคณะผู้ก่อการ ร.ศ.130 ซึ่งคบคิดกันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ให้เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตรย์ อยู่ภายใต้กฎหมาย เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษ และญี่ปุ่น แต่คณะ ร.ศ.130 ทำการไม่สำเร็จ คณะก่อการทั้งหมดถูกจับในข้อหากบฏ ถูกถอดยศ และตัดสินจำคุก โดยมีโทษลดหลั่นกันไป ร้อยตรีถัด รัตนพันธ์ ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต
ระหว่างที่นายถัด อยู่คุก 2 ปีแรก ได้ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ต่อมาได้รับการ ผ่อนผัน ให้ได้รับความสะดวกสบายขึ้น นายถัดได้ศึกษาวิชาการต่าง ๆ เท่าที่พอจะหาได้ เช่น วิชากฎหมาย ประวัติศาสตร์ การหนังสือพิมพ์และการเมือง รวมทั้งเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ และแปลนวนิยาย ภาษาต่างประเทศ เรื่อง “เด็กกำพร้า” ใช้นามปากกาว่า “ไทยใต้” ด้วยนายถัด เป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี จึงได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้านักโทษชั้นนายตรวจ
ในปี พ.ศ.2457 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในทวีปยุโรป ครั้งถึงปี พ.ศ.2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ประกาศเข้าร่วมสัมพันธมิตร และได้มีการเรียกทหารอาสาส่งไปร่วมรบ นายถัดและพวกรวม 22 คน พร้อมใจกันทำฎีกาทูลเกล้าถวายเพื่ออาสาไปราชการสงคราม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาตอบลงไปว่า การส่งทหารไปร่วมรบ ในครั้งนี้เป็นเพียงกองทหารเล็ก ๆ เท่านั้น จึงยังไม่ถึงเวลาเรียกใช้ การที่ได้อาสาขึ้นถือว่าเป็นความชอบ จึงทรงพระกรุณาผ่อนผันลดโทษให้ โดยพวกที่ถูกตัดสินจำคงตลอดชีวิต ลดโทษเหลือ 20 ปี พวกที่ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ลดโทษเหลือ 15 ปี จนถึงปี พ.ศ.2467 ในวโรกาสที่เถลิงถวัลราชสมบัติครบ 15 ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ปล่อยนักโทษที่อยู่ในข่ายกำหนด ดังนั้น ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2467 นายถัดกับพวก จึงได้รับอิสรภาพหลักจากถูกจำคุกเป็นเวลา 12 ปี 6 เดือน 6 วัน หลักจากออกจากคุก นายถัดได้ประกอบการค้า และทำงานหนังสือพิมพ์ ซึ่งต่อมาได้เลื่อนฐานะเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์บางกอกการเมือง เป็นเวลา 8 ปี
นายถัด แต่งงานกับนางสาวแส ณ พัทลุง เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2470 มีบุตรเป็นชาย 1 คน หญิง 3 คน คือ แถมสิน รัตนพันธ์, ศาสตรจารย์แถมสุข นุ่มนนท์ และ แถมสร้อย อภิรัตนพิมลชัย
นายเปรม มนตรี ผู้เล่าเรื่องเผยแพร่ไว้