มาร์ก-ม.ล.จุลจักร
จักรพันธุ์
มาร์กเกิดมาในครอบครัวที่สมาชิกทุกคนทำงานเกี่ยวกับการเงินกันหมด โดยคุณพ่อ “ม.ร.ว.ตราจักร จักรพันธุ์” เคยทำอยู่แผนกสินเชื่อธนาคารกรุงเทพ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน บริษัท เชิดชูเกียรติ ส่วนคุณแม่ “คุณอรวรรณ จักรพันธุ์ ณ อยุธยา” ทำงานอยู่แผนก Private Banking ให้กับธนาคารกรุงเทพ และพี่สาว “ม.ล.ตรีนุช สิริวัฒนภักดี” ก็ยังเคยทำอยู่ธนาคารซิตี้แบงก์ สาขาประเทศไทย อีกด้วย จึงทำให้เขาซึมซับและสนใจโลกของการเงินโดยไม่รู้ตัว ความสนใจนี้อาจมาจากความผูกพันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาที่หลังเลิกเรียนจะต้องไปนั่งรอคุณพ่อและคุณแม่ที่ทำงานทุกวัน จึงทำให้เขาเริ่มสนใจทางด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ และการลงทุน มาตั้งแต่เด็กๆ แต่เราแอบรู้มาว่าตอนเรียนปริญญาตรี ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขากลับเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา โดยหนุ่มมาร์กเลือกเรียนปริญญาโท สาขา Business and Managerial Economics คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาคภาษาอังกฤษ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากนั้นเขาจึงไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ และคว้าปริญญาใบที่ 3 คือ ปริญญาโท สาขา Analysis, Design & Management of Information System จากมหาวิทยาลัย London School of Economics and Political Science (LSE)
เริ่มจากงานทางด้านวิศวะที่บริษัท TCC Hotel Group ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 2 ปี ในตำแหน่ง Engineer and Project Coordidator แต่เมื่อได้ลองทำไปสักพักแล้วรู้ตัวว่าใจเอนเอียงมาด้านการเงินแน่ๆ จึงกลับเมืองไทย และเริ่มเข้าสู่โหมดงานทางด้านการเงินอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเริ่มต้นที่ตำแหน่ง Graduate Training Program แผนก Investment Banking ของธนาคารข้ามชาติ UBS Securities (Thailand) โดยดูแลเกี่ยวกับการออกหุ้น Initial Public Offering (IPO) หรือการเสนอขายหุ้นใหม่สู่ตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งการทำ Hybrid Bond
มาร์กประสบความสำเร็จในงานด้านสายการเงินอย่างรวดเร็ว
ก็เพราะมีแบบอย่างและมีคำแนะนำดีจาก ม.ร.ว.ตราจักร ผู้เป็นพ่อ “คุณพ่อมักจะสอนว่า อย่าเพิ่งสนใจกับเงินเดือนหรือผลตอบแทนใดๆ
ให้โฟกัสไปกับการหาประสบการณ์และเรียนรู้จากองค์กรและลูกค้าให้มากที่สุด พยายามพัฒนาตัวเองให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในงานทำแบบลึกซึ้ง
แล้วเมื่อเราเก่งจริงแล้ว คราวนี้เราก็จะก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด” ซึ่งเขาก็จำคำสอนนี้ได้อย่างขึ้นใจและนำมาเป็นแบบอย่างในการทำงาน
เคล็ดลับการใช้เงินจากหนุ่มการเงิน
1. เราต้องดูก่อนว่ารายรับเท่าไร อย่างคนที่เพิ่งเรียนจบก็ต้องดูรายรับของเราจริงๆ ไม่รวมกับที่พ่อแม่ให้ แบ่งเงินเดือนไปเป็นเงินเก็บ 10% อีก 90% เป็นส่วนที่ใช้ แต่สำหรับผมทริกพิเศษคือ ผมจะกันเงินไว้เพื่อเก็บไป 20% ใช้อาจจะสัก 60% ที่เหลือก็เอาไปลงทุนหรือไม่ก็ซื้อกองทุน
2. หากใครที่มีเงินเก็บเยอะก็สามารถเอาไปลงหุ้น Capital Gain ได้ หรือใครที่ยังไม่ค่อยมีเงินเก็บหรือมีน้อยควรเอาไปลงหุ้นใหญ่ๆ เพื่อเอาเงินปันผล
3. ถ้าเรายังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหุ้นหรือไม่มีเวลาจะติดตามละก็ ควรซื้อพวกกองทุนจะดีกว่า
4. ควรสำรองเงินไว้ยามฉุกเฉิน เพราะบางทีอาจมีการเจ็บป่วยหรือมีจังหวะที่ต้องใช้เงินฉุกเฉิน จะได้ไม่ต้องไปกู้ยืม :: Text by FLASH
สาเหตุที่ทำให้ประทับใจ
เค้าเลือกที่จะทำตามความต้องการของตัวเอง เค้าสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่ครอบครัวตัวเองมีอยู่จนทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ และความสำเร็จที่เค้าได้รับไม่ได้ทำให้เค้าอึดอัดกับการใช้ชีวิต เค้ายังใช้ชีวิตตามแบบที่ตัวเองต้องการ เพราะเค้ารู้ว่าแท้จริงชอบอะไร ถนัดอะไร ทำให้เค้าประสบความสำเร็จง่ายขึ้นและเค้าอายุยังน้อยแต่สามารถรู้ว่าตัวเองชอบด้านการเงิน ค้นคว้าความรู้ด้านการเงินมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้เค้าเป็นที่จับตาของนักการเงินและนักลงทุน
มาร์ก-ม.ล.จุลจักร จักรพันธุ์
ที่ปรึกษาทางด้านการเงินของบริษัท KPMG Phoomchai Holdings
ที่มา http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9570000059821
ไม่มีความเห็น