เช้าวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ฝนตกหนักมาก น้ำในแม่น้ำยาสุดะไหลแรงขึ้น เมื่อคืนเรานอนฟังเสียงฟ้าร้อง และน้ำไหลตลอดคืน ในห้องนอนแบบโรงแรมทั่วไป ตือมีเตียงคู่และเครื่องทำความอบอุ่นอย่างดี สดวกสบายกว่าที่คิดไว้มาก และไม่หนาวอย่างที่โดนขู่ไว้ ตอน ๖ น. อุณหภูมิ ๑๗ องศา
พอได้เวลาออนเซนเปิด คือ ๖.๐๐ น. ผมก็ไปใช้บริการ คราวนี้มีเพื่อนร่วมอ่างเป็นชายญี่ปุ่นอายุราว ๕๐ ปี จึงได้สังเกตว่าคนญี่ปุ่นเขาทำอย่างไรเวลาไปออนเซน เขาแช่ราวๆ ๑๐ นาทีก็ขึ้น แล้วก็มีชายหนุ่มเตรียมมาลงแช่ ผมก็ขึ้นบ้าง เวลาแช่น้ำในอ่างนี้ ผมรู้สึกว่าตัวลื่นๆ ไม่ทราบว่าเป็นผลตกค้างจากสบู่เหลวถูตัวเมื่อคืนวานหรือเปล่า
ห้องออนเซนนี้เป็นแบบอยู่ในห้อง และเป็นอ่างซีเมนต์ขนาดราวๆ ๓ x ๖ เมตร ไม่ได้เป็นแบบหลังคาส่วนหนึ่งเปิดโล่ง และมีหินก้อนโตๆ ประดับ เหมือนอย่างที่ ยูฟุอิน และ เบ็บปุ คือที่นี่เป็นออนเซนชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่ได้เป็นแบบไฮโซ
แช่น้ำแร่เสร็จผมก็กลับมานั่งที่ระเบียงห้องพัก ๑๑๑ ฝนตก ลมแรง ฟ้าครึ้ม แต่อากาศไม่หนาวมาก ผมนั่งฟังเสียงน้ำไหลแรง และซึมซับบรรยากาศธรรมชาติที่ให้ความสงบใจ สักครู่ฝนหยุด และมีแสงสว่างพอที่จะถ่ายรูปได้ สาวน้อยจึงได้ภาพงามสมใจ
เอาเข้าจริงวันนี้ฝนไม่ตก กลับแดดออกดีด้วยซ้ำ พยากรณ์อากาศที่ผิดพลาดทำให้เราอดนั่งรถไฟเล็กขึ้นไปยอดเขาหน้าโรงแรม ได้ไปชมโรงงานแปรรูปส้ม หรือจริงๆ แล้วคือโรงงานผลิตน้ำส้มพร้อมดื่ม ที่ทำจากส้มยูสุ
จากส้มยูสุ ผลิตสินค้าออกขายกว่า ๗๐ ชนิด ทำรายได้ปีละ ๓ พันล้านเยน จากส้ม ๘๐๐ ตัน รับซื้อจากเกษตรกร ๑๕๐ เยน/กก. แต่ถ้าขายดีเพิ่มให้อีก ๓๐ เยน/กก. ผมชอบใจวิธีคิดเชิงสหกรณ์ ที่มุ่งแบ่งปันผลประโยชน์ในหมู่สมาชิกแบบนี้มาก ผลิตภัณฑ์ของเขามีหลากหลาย ทั้งใช้ปรุงรสและกลิ่น ในโชหยุ และเอาไปใช้ทำเครื่องสำอางและอาหารเพื่อสุขภาพ มีห้องวิจัยโดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยโคชิมี่อยู่ไม่ไกลมาก กล่าวได้ว่าเขาใช้ประโยชน์ทุกส่วนของผลส้ม เดิมเมล็ดเอาไปใส่หมอน ตอนนี้ใช้ทำเครื่องสำอาง
โรงงานน้ำส้มพร้อมดื่มของเขาทันสมัยสุดสุด ส้มยูสุเก็บผลปีละครั้งในเดือนพฤศจิกายน คั้นน้ำแล้วเอาแช่แข็งไว้ใช้ผลิตน้ำส้มพร้อมดื่มตลอดปี โดยใช้วัตถุดิบจากหมู่บ้านใกล้เคียงร้อยละ ๑๐
เราไปเห็นการทำงานของวิสาหกิจชุมชนที่มีการพัฒนาธุรกิจของตนอยู่ตลอดเวลา ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การตลาด การบริการ และการจัดการลูกค้า ใช้การขายตรง ส่งของตรงจากโรงงานสู่ลูกค้าโดยตรงด้วย และมีสมาชิกร้านขายปลีกด้วย โรงงานนี้ทันสมัยมาก มีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ๙๖ คน ทั้งหมดนั้น ริเริ่ม จัดการ ดำเนินการ โดยชาวบ้านกันเอง โดยมีแรงสนับสนุนจากหลายฝ่าย แต่ไม่ใช่การเข้าไปจับมือชาวบ้านทำ อย่างที่ราชการและมหาวิทยาลัยไทยทำงานพัฒนาชุมชน
สถานที่แห่งที่สอง เทศบาล อุมะจิ บรรยายสรุปโดยคุณ Shoji Kinoshita เพื่อนของ “เลขา”ที่ “เลขา” ฝากของมาให้ อาคารสำนักงานเทศบาลสวย มีเจ้าหน้าที่ของเทศบาล ๔๐ คน คุณโชจิเป็นรองนายกเทศมนตรี เป็นเจ้าหน้าที่ประจำ มีรองฯ ๓ คน ส่วนนายกเทศมนตรีมาจากการเลือกตั้งทุกๆ ๔ ปี เขามีตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง แต่ไม่มีแผนกเก็บขยะ เพราะชาวบ้านดูแลกันเอง
ชาวบ้านรวมตัวกันทำงานสาธารณะมากมายหลายด้าน ได้แก่ กลุ่มดูแลแม่น้ำ เช่นขุดสันดอน กลุ่มจัดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนภายนอก กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มขายน้ำล้างหน้าจากออนเซน กลุ่มฝึกทักษะการเกษตรแก่เด็กๆ เป็นต้น
เทศบาลทำหน้าที่สร้างคน ตั้งแต่เด็กๆ ไปจนถึงคนแก่ ทำกิจกรรมเพื่อสร้างชื่อให้คนรู้จักหมู่บ้าน ให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพของสินค้าที่ผลิตในหมู่บ้าน สร้างความสัมพันธ์กับคนนอกหมู่บ้าน ร่วมกับกิจกรรมการรวมตัวกันเองของชาวบ้าน ดูลักษณะท่าทางแล้ว เขาไม่มีท่าท่างเป็นเจ้าขุนมูลนายเลย การแต่งตัวก็เหมือนชาวบ้านธรรมดาๆ
เขาเล่าเรื่องการพัฒนาเด็ก และพัฒนาคนแก่ โดยให้คนแก่ไปเล่นกลให้เด็กๆ ดู ทีมละ ๕ คน ให้เงิน ๑๕,๐๐๐ เยน เด็กก็ได้เรียนรู้และสนุก เป็นการสร้างสัมพันธ์กันระหว่างวัย คนแก่ก็ได้ทำกิจกรรมจิตอาสา เพราะแม้ได้เงิน ก็นิดเดียว เขาเล่นกลให้เราดูด้วย คุณโชจิเป็นคนง่ายๆ ขำๆ แต่เมื่อถามคำถามจริงจัง เขาก็ตอบได้ลุ่มลึกมาก แสดงความเป็นคนคุณภาพ เช่น เมื่อถามเรื่องรายได้ของหมู่บ้าน เขาตอบว่า อุมะจิ ไม่ใช่แค่ขายสินค้า แต่ขายพื้นที่ ขายความเป็นอุมะจิ ผมต่อให้ว่า “ที่มีคุณค่า คุ้มกับการมาเยือน”
ตอนบ่าย เรานั่งรถขึ้นเขาบนถนนคดเคี้ยว ไปไกลมาก เพื่อไปชมป่าสนพันต้นบนภูเขาซาโบยะมะ ชื่อแปลว่าภูเขาสนพันต้น ต้นที่เป็นพระเอก อยู่ใกล้สะพานขามลำธาร พอลงสะพานก็อยู่ตรงหน้า สนต้นนี้อายุ ๓๐๐ ปี สูง ๕๔.๒ เมตร เส่นผ่าศูนย์กลาง ๒.๑๒ เมตร มีเนื้อไม้ ๓๘.๓ ลูกบาศก์เมตร
ป่านี้ดูแลโดยพนักงานเทศบาล ที่เรียนจบวิศวกรรมโยธา แต่มาทำหน้าที่รักษาป่า เขาเป็นคนพาเราไปชมป่า เป็นคนอธิบายและตอบคำถาม ภูเขาลูกนี้สูง ๑,๐๘๐ เมตร บริเวณที่เราไปชมสูง ๖๕๐ เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
ถนนเลียบชายเขานี้ แล่นขนานไปกับลำธารต้นน้ำ เห็นป่าสนแน่นขนัดสวยงามมากบนเขายอดแล้วยอดเล่า และมีเขื่อนกั้นน้ำผลิตกระแสไฟฟ้า
หลังอาหาร เรา AAR ด้วย ๒ คำถาม (๑) เดินทางครั้งนี้ เห็นอะไร (๒) จะกลับไปทำอะไร
วิจารณ์ พานิช
๑๒ ธ.ค. ๕๘
บนรถบัสขนาดกลาง จากอุมะจิ ไปโอซากา
ชอบภาพนี้ของอาจารย์มากจริง ๆ ครับ....เท่ห์มาก ๆ
..
กราบสวัสดีปีใหม่ 2559 กับอาจารย์ด้วยครับ
ด้วยความเคารพรัก
วิสาหกิจชุมชนของหมู่บ้านอุมะจิไปไกลมาก ทั้งผลิตภัณฑ์จากส้มยูสุ การท่องเที่ยวท้องถิ่น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ระบบสวัสดิการ อาสาสมัครจิตอาสา ฯลฯ ทั้งเรื่องและภาพเป็นแบบอย่างที่ดี ขออนุญาตนำไปถ่ายทอดให้ผู้คนได้เรียนรู้
คิดถึง คุณลุงโตทานิ แชปเปี้ยนตัวจริงของอุมะจิ