นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ที่สอนวิชาชีพครู..มากมายหลายคน เริ่มไม่เห็นด้วย ที่กระทรวงศึกษาธิการ จะพัฒนาสถานศึกษาขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ด้วยนโยบาย หรือแนวดำเนินการที่เป็นรูปแบบเดียวกันหมด เพราะในความเป็นจริงนั้น ต่างบริบทก็ย่อมมีศักยภาพในการพัฒนาให้เข้าถึงนโยบายได้แตกต่างกัน..
ครับ..เราไปเปลี่ยนแปลงความคิดความอ่านผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ไม่ได้จริงๆ นอกจากรับฟังนโยบาย แต่ทำให้มันหลากหลายในการปฏิบัติ สิ่งสำคัญที่สุด..ผมยังเชื่อว่า..ผู้บริหารสถานศึกษานี่ล่ะ คือ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยการประยุกต์นโยบายสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ให้ตรงกับ สภาพปัจจุบัน ปัญหา และเป้าหมายของโรงเรียน.........
คิดได้ดั่งนี้ จึงประชุมครูและบอกครูว่า เหลือเวลาในปีการศึกษานี้อีกเพียง ๓ เดือน การอ่าน ของนักเรียนเป็นอย่างไร คำตอบคือ..อยู่ในระดับปานกลาง ค่อนข้างดี ปัญหาอยู่ที่ไหน คำตอบคือ..ทักษะการเขียน ยังอ่อนอยู่ ต้องเร่งปรับปรุงแก้ไข..
แล้วครูใช้วิธีการใด..ครูบอกว่า ให้เขียนตามคำบอก...โดยใช้คำพื้นฐานให้ตรงกับระดับชั้น ผมถามครูว่า แล้วแก้ปัญหา ..ที่ครูพบบ่อยมาก..ได้ไหม โดยเฉพาะ ป.๒ – ป.๔ ที่ว่า นักเรียนเขียนเป็นเรื่องราว ทั้งที่เป็นเรื่องจากจินตนาการและเรื่องจากประสบการณ์ ....นักเรียนเขียนไม่ได้ ไม่มีพัฒนาการ... ตกลงครูแก้ปัญหาไม่ได้
ผมต้องบอกครูว่า การสอนการเขียน เป็นวิชาทักษะ ต้องฝึกบ่อยๆ และต้องมีรูปแบบที่น่าสนใจ เด็กต้องเรียนรู้จากง่ายไปหายาก แต่ถ้าครูเอาแต่บ่น ไม่เริ่มต้นเสียที ปัญหาจะไปตกที่ ป.๕ – ๖
ผมยกตัวอย่าง..และบอกครูว่า เด็กต้องเข้าใจรูปแบบ และเริ่มจากการเลียนแบบก่อน เช่น...
ฉันกับน้อง//เดินไปโรงเรียน//ในตอนเช้า//ผ่านหมู่บ้าน//และทุ่งนา//ฉันเห็นคนเลี้ยงวัว//ฝูงวัวมีมากมาย//หลายร้อยตัว//น้องจะเดินไป//เก็บดอกบัว//ที่หนองน้ำ//ฉันห้ามไว้//เพราะกลัวน้อง//จะตกน้ำ//พอถึงโรงเรียน//เก็บกระเป๋าหนังสือ//ฉันกับน้อง//ไปช่วยเพื่อนๆ//ทำความสะอาด//บริเวณถนน//หน้าอาคารเรียน
โดยครู..ให้นักเรียนเขียนข้อความตามคำบอก ข้อความละบรรทัด จากนั้น ครูตรวจข้อความ และสอนการแบ่งวรรคตอน แล้วให้นักเรียนเขียนเรื่องนี้อีกครั้ง....จำนวน ๑ ย่อหน้า อย่างถูกต้องและตัวบรรจง
ครับ..เด็กต้องการตัวอย่างที่ง่ายและใกล้ตัว ต้องการมีความสุขและประสบความสำเร็จในการเขียน ครูต้องค่อยๆฝึก เด็กก็จะซึมซับรับรู้.. จนเป็นวิธีการเขียนของเขาเอง...
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘
ผมเองก็ไม่ชอบการพัฒนาโรงเรียนแบบกระทรวงสั่งเพราะโรงเรียนแต่ละที่บริบทต่างกันมาก
แถมนักเรียนก็ต่างกัน
การเขียนเป็นทักษะ ถ้าให้นักเรียนเขียนบ่อยๆ
จะพัฒนาการเขียนได้ดีครับ
สมัยก่อนจะถูกให้เขียนเรียงความ
โตขึ้นมาเลยมีทักษะการเขียนที่ดีครับ
ขอบคุณครับ