708. ว่าด้วยความสุข (Hamburger Model)


เรียนรู้ศาสตร์ OD จาก "สามก๊ก" (ตอนที่ 38)

มองกลับไปในประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนให้เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของหลายๆ ชีวิต ความรุ่งเรือง บุคคลในประวัติศาสตร์สองคนที่อยากพูดถึงก็คือโจซองและสุมาอี้ คนแรกเป็นเชื้อพระวงค์ เป็นผู้สำเร็จราชการ อีกคนเป็นแม่ทัพเก่าแก่ที่ช่วยให้วุยสามารถตั้งรับภัยคุกคามจากอีกสองก๊ก และที่สุดปูทางมาสู่การรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่ง จริงๆ แล้วคนที่น่าจะรวมได้ น่าจะเป็นบุคคลที่ชื่อโจซอง จีนควรมีฮ่องเต้ชื่อโจซอง ส่วนสุมาอี้น่าจะเป็นรัฐบุรุษ ลูกหลานก็คงรับมรดกเป็นขุนนาง ศักดิ์ศรีน่าจะประมาณขงเบ้ง ไม่ใช่คนที่จะกลายมาเป็นผู้ที่ปูทางไปสู่การตั้งราชวงค์ของตระกูลสุมาเอง จนหลานได้เป็นจักพรรดิ์ราชวงค์ใหม่

อะไรทำให้เกิดการพลิกผันขนาดนั้น อะไรคือสาเหตุ วันนี้ผมของมองไปอีกมุมอด้วยศาสตร์ที่ผมถนัด นั่นคือจิตวิยาบวก (Positive Psychology)

ผมมองว่าโจซองถึงจุดจบ เพราะวิธีการใช้ชีวิตของโจซองเองครับ จะว่าไปโจซองเป็นคนมีอำนาจ แต่สนใจหาความสุขใส่ตัวเองได้สุดๆ เรียกว่าอยู่ในระดับปรนเปรอตัวเองเลย โดยไม่มองอนาคต ไม่ยอมลำบากวันนี้ เพื่อหวังผลดีวันหน้า โจซองถึงกับสร้างวังในระดับเดียวกับฮ่องเต้ ของบรรณาการที่ส่งมาจาต่างเมืองก็หยิบของดีๆ ไว้ก่อน คุณจะไม่เคยเห็นโจซองพูดถึงอนาคต พูดถึงแผนระยะยาวอะไร เอาความสบายในปัจจับนเป็นตัวตั้ง ตอนถูกปฏิวัติก็ยอมแพ้ ยอมมอบอำนาจทางการทหารให้สุมาอี้ แล้วขออยู่ในจวนสบายๆกับลูกเมีย ด้วยวิธีคิดแบบนี้ตอนหลังคนเก่งรอบตัวทิ้งโจซองไปหมด และที่สุดตัวก็ตาย เพราะสุมาอี้กล่าวหาว่าเป็นขบถ

ดูเหมือนวิธีใช้ชีวิตของโจซองนั่นเอง ที่ปูทางให้ตระกูลสุมาอี้ก้าวขึ้นสู่อำนาจ ในขณะเดียวกันก็ปิดทางการเติบโตของตระกูลโจ

ความล้มเหลวของการใช้ชีวิตแบบโจซอง น่าจะอธิบายได้ด้วยแฮมเบอร์เกอร์ โมเดล ...ตัวแบบความสุขที่คิดค้นโดยศาสตราจารย์เบน ซาฮา แห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ท่านบอกว่าความสุขของมนุษย์มีสี่รูปแบบตาม Hamburger Model ข้างล่างนี้

Credit: http://www.puurpositie.nl/wat-organisaties-en-hamburgers-gemeen-hebben/

แบบแรก คือ เอาปัจจุบันเป็นตัวตั้ง แต่สิ่งที่ทำอยู่อาจส่งผลลบต่ออนาคต เรียกว่าคนสุขแบบเจ้าสำราญ (Hedonism) เปรียบได้กลับคนชอบกินแฮมเบอร์เกอร์ประเภทอาหารขยะ ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่อร่อยมากๆ ตรงนี้ถ้าเอาแต่กินเบอร์เกอร์แบบนี้ แต่อนาคตคนที่ทำแบบนี้ สุขภาพแย่แน่ๆ ...แน่เลยโจซองอยู่ตรงนี้ เอาแต่ลาภยศ ผู้หญิง ไม่คิดถึงอนาคต ไม่ยอมลำบาก ที่สุดพังตอนปลาย

แบบสอง คือการเอาอนาคตเป็นตัวตั้ง ปัจจุบันลำบากก่อน ตรงนี้ไม่สุขครับ แต่ลงทุนเพื่อวันหน้า เปรียบได้กับการที่คนกินเบอร์เกอร์มังสวิรัติ ไม่อร่อยในปัจจับน แต่อนาคน คนกินสุขภาพดีแน่ นี่คือสุมาอี้ครับ ลำบากทั้งเรื่องมาสบายตอนท้าย สุขภาพจิตแย่แน่ครับใช้ชีวิตอย่างเป็นหนูแข่ง (Rat Race) โจโฉดิ้นรนมากๆ แข่งขันมากๆ สุดท้ายประสาทกิน อยู่ไม่สุขในบั้นปลายชีวิตครับ

แบบสามคือปัจจุบันก็ไม่มีความสุข อนาคตก็ไม่มีความสุข เรียกว่า เรียกว่าชีวิตไร้ค่าสุด ๆ (Nihilism) ประมาณว่าเลือกกินเบอร์เกอร์ที่ก็ไม่อร่อยเลย แถมอนาคตสุขภาพก็แย่ ตัวนี้เห็นได้ชัดคือโจมอ ฮ่องเต้องค์รองสุดท้าย ที่มีชีวิตอยู่ไม่สุข อึดอัด เพราะอยู่ใต้อำนาจสุมาเจียว ที่สุดก็มีเรื่องกับสุมาเจียว ยกกองทหารไปลุย รบแพ้และสิ้นพระชนม์ในที่รบ นี่ก็ชัดครับ ไม่มีความสุขทั้งในชีวิตและการทำงาน แต่ใจร้อนไม่ฟังคำทัดทานที่ปรึกษา ทำให้ไม่มองการไกลพอ ที่สุดทำการแบบไท่รอบคอบ เรียกว่าไม่มองการไกล ไม่มีวิสัยทัศน์ แม้จะทำการใดก็ไร้ค่า จริงๆ ถ้าโจมออดทนมากกว่านี้ราชวงค์วุยคงไม่สิ้น

แบบที่สี่นี่คือแบบที่ดีที่สุด คือคนที่ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีความสุขในปัจจับน แต่สิ่งที่ทำปัจจันก็ส่งผลดีต่ออนาคตด้วย ตรงนี้เราเรียกว่า “ความสุข (Happiness)” ที่ยั่งยืนกว่า สุขทั้งในปัจจุบัน และสุขในอนาคต ในศาตร์จิตวิทยาบกว มองว่า Happiness แบบนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนใช้ใชีวิตอย่างมีความหมาย (รู้สึว่าตนเองมีคุณค่า เป็นที่ต้องการของตนอื่น) การรู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนสามารถค้นพบจุดแข็ง หรือพรสวรรค์ของตนเอง แล้วเอามาสร้างคุณค่าให้ผู้อื่นหรือสังคม ผมว่าคนในสามก๊กมีความสุขแบบนี้หลายคนครับ ชัดที่สุดคือเล่าปี่ ขงเบ้ง และบรรดาแม่ทัพเอกทั้งหลาย แต่เนื่องจากเจอภาวะสงครามหลายครั้งเลยต้องหลุดไปที่ Rat Race คือต้องสละสุขปัจจุบันไว้ เพื่อเห็นแก่อนาคต ผมมองว่าในยุคสามก๊ก เนื่องจากเป็นช่วงที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์จีนยุคหนึ่ง คงหาใครมีความสุขได้ยากมากๆ แต่ก็พบได้ประปราย

กลับมาที่สามก๊กตอนรวมแผ่นดิน แล้วคนในยุคเข็ญกินเบอร์เกอร์แบบไหนถึงรวมแผ่นดินได้ บอกได้เลยครับ ดูเหมือนสุมาอี้จะเลือกใช้ชีวิตแบบที่สอง (Rat Race) ยอมไม่สุขปัจจุบัน เพื่อไปเสวยสุขในอนาคต พวกเหล่าวีรบุรุษยุคแรก ก็ตั้งตัวด้วยการใช้ชีวิตแบบนี้หมด คือ Rat Race ส่วนพวกที่ตกต่ำทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้ฮั่นเดิม ตั๋งโต๊ะ อ้วนเสี้ยว โจซอง เล่าเสี้ยน ชีวิตจะประมาณคุณชายเจ้าสำราญ (Hedonism) ทั้งสิ้น แล้วพังหมด

โจโฉเองตอนทำตัว Hedonism อยู่ดีๆก็ไปเล่นชู้เมียชาวบ้าน เลยเจอสามีเขาโกรธลองโจมตีจนแตกทัพ จนเสียลูกชายคนโตคือโจงั่งไป เพราะฉะนั้น Hedonism ดูเหมือนจะผลักคนลงเหวหมด

แต่ใช้ชีวิตอย่างมีความทุกข์ โดยไม่วางแผนดีๆ นี่ก็ทำให้เกิดเรื่องเศร้าได้ เช่นเล่าปี่ตอนท้าย ยอมทุกข์เพื่อล้างแค้นให้น้อง แต่วางแผนไม่ดี ออกไปรบก็ง่อก๊ก ที่สุดก็ตาย

สรุปตอนนี้คือคนเราอย่างน้อยต้อง Rat Race ครับ ยอมลำบากวันนี้ เพื่อสบายวันหน้า แต่ต้องมีแผนการณ์ดีๆ นะ ไม่งั้นอาจล้มเหลวแบบเล่าปี่กลายเป็น Nihilism ได้

และไม่ควร Hedonism ศีล 5 ครับศีลห้า อย่าบ้าผู้หญิง ขโมยของคนอื่น ทำงานหนักครับ โจยอยฮ่องเต้ก็จัดหนักข้อนี้มากๆ เลยเละขึ้นเรื่อยๆ โจมอก็สติแตก Hihilism ก็ตายอย่างเขียด

ดีที่สุด คือ Happiness ประโยชน์ปัจุบันกับอนาคตผสานเข้าด้วยกัน ดึงจุดแข็งมาสร้างสรรค์ แต่ถ้าจะทุกข์บ้างก็ไม่เป็นไร แต่ต้องวางแผนดีๆ รักษาอุดมการณ์ไว้ ใจเย็นด้วย

Credit: http://web.mlf360.com/404.html?from=u7353.yadfz.cn


ย้อนมาในยุคปัจจุบัน เราจะสร้างความสุขได้อย่างไร

  1. ผิดศีลอยู่ มัวเมากับความสุขมากในปัจจุบัน ติดหล้า ติดผู้หญิง โกหก โดยไม่เห็นภาพว่าในอนาคตจะเป็นอะไร จะทำอะไร นี่เรียกว่า Hedonism ยังไงก็ลงเหว ถอนตัวได้เลย
  2. ลดความมัวเมาในความสุขปัจจุบันลง มองหาอนาคตว่าจะทำอะไร แล้วลุยไปเลย นี่เรียกว่า Rate Race อย่ายอมแพ้ แต่คุณอาจหมองมัว มอดไหม้ได้ ด้วยบ้าพลังขนาดบางทีเผลอแบกงานกลับบ้าน กลายเป็นครุ่นคิดเรื่องงาน ทำให้ครอบครัว ลูกเมียขาดความอบอุ่น คุณอาจสำเร็จ แต่ครอบครัวพังทลายได้ในอนาคต ถ้าเป็นองค์กรก็อย่ามุ่งได้ KPI อย่างเดียวจนหลงลืมความสุขของพนักงาน ที่สุดอาจได้ผลงาน แต่ปีหน้าคนไปอยู่ที่อื่น ถ้ามีความทุกข์อยู่ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ให้หันกลับมาทบทวนจุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง หาคู่คิดที่ปรึกษา แล้วคิดการใหญ่ อย่าใจร้อน อย่างน้อยขยับไป Rate Race ก็ยังดี ไม่งั้นตายอย่างเขียด (Nihilism)
  3. ถ้าแย่มากๆ ไปทำงานก็ทุกข์ กลับบ้านก็ทุกข์ นี่เจอ Nihilism ไปเต็มๆ อย่างนี้ต้องหันมาทบทวนชีวิตกันแบบถอนรากถอนโคนทีเดียว ต้องใช้เวลามากหน่อย อาจเริ่มจากค้นหาว่าอะไรเป็นจุดแข็ง อะไรที่เราชอบทำ ทำได้ดี อะไรทำแล้วมีพลัง ค่อยๆ ขยายผลไป หาเครือข่าย หาพันธมิตร ค่อยๆทดลองขยับ อย่าเพิ่งใจร้อน คนเราจะทำอะไรล้มเหลวอย่างกู่ไม่กลับ ก็ตอนที่จิตตก แล้วเกิดบ้าพลังลุยไปแบบไม่ทิศทาง ไม่วางแผน นี่น่ากลัวมาก ตายเปล่า ใจเย็นๆครับ บางทีผมจะแนะนำไปหาหลวงพ่อที่ผมเคารพมากๆ ที่วัดไกล้บ้านเลย อย่างน้อยวางแผน แล้วกัดฟันลุยยังดีกว่า
  4. สุดท้ายอย่าผิดศีล วางแผนดีๆ แล้วสร้างสมดุลย์ในชีวิต ไม่อย่างนั้นความทุกข์ของเราอาจขยายวงไปถึงคนรอบข้างที่สุดก็ไปหมด ชนะเพื่อที่จะแพ้นี่ไม่ควรครับ จึงจะพบกับความสุข Happiness สุขทั้งปัจจุบันและอนาคต Happiness นี่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเราค้นพบจุดแข็งของตนเองแล้วเอามาใช้มากๆ ที่สำคัญใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย (ความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า) มีความกระตือรือร้น ที่จะนำจุดแข็งของตนไปสร้างประโยชน์ให้คนในวงกว้าง คุณจะพบความสุขที่แท้จริง (ตามนิยามของ Positive Psychology ครับ)

คุณล่ะ กำลังใช้ชีวิตแบบไหน คุณกำลังกินเบอร์เกอร์แบบไหน?

วันนี้พอเท่านี้ เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ

Credit: http://www.smithsonianmag.com/ist/?next=/arts-cult...

หมายเลขบันทึก: 597244เขียนเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2015 12:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2015 15:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท