ความภาคภูมิใจของครูภาษาไทย
ฉันเกิดมาในตระกูลครู ทั้งพ่อแม่และโชคชะตาลิขิตชีวิตให้ต้องเป็นครูเพราะเมือ่เรียนจบไปลองสอบบรรจุไม่คิดว่าจะสอบได้ พอสถานีวิทยุท้องถิ่นประกาศชื่อว่าสอบได้ที่1ของจังหวัดจากผู้เข้าสอบวิชาเอกภาษาไทยจำนวน 300 กว่าคน ด้วยสัญชาตญาณความเป็นครูในสายเลือด ฉันได้ประจักษ์ในครั้งนั้นว่า การที่สอบได้ที่ 1 เพราะความรู้และทักษะในการใช้ภาษาไทย ทั้งการตอบข้อสอบ (แบบอัตนัย) และการสอบสัมภาษณ์ ชีวิตครูจึงเริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น
ในความเป็นครูภาษาไทยในยุคโลกาภิวัตน์ ครูต้องมีวิสัยทัศน์อย่างกว้างไกล หมดยุคครูภาษาไทยหัวโบราณเราต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ค่านิยม แต่ก็ยังต้องอนุรักษ์วัฒนธรรมด้านภาษาให้ยั่งยืน " คนเป็นครูต้องรอบรู้ และรู้รอบระบอบไทย " ครูเป็นผู้ไม่อิ่มในความรู้ ฉันสอนภาษาไทยด้วยจิตวิญญาณ โดยคำนึงผู้เรียนเป็นสำคัญเสมอ สอนภาษาไทยต้องให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ เกิดความคิดรวบยอด (concept) ทุกเรื่องนำไปใช้ในชีวิตจริงๆ แต่ไม่ลืมสอดแทรกคุณธรรมนำชีวิต ด้วยประโยคติดปากว่า " วันนี้ทำความดีหรือยัง" เรียนภาษาไทยนั้นผู้เรียนต้องมีความสุข ผู้สอนต้องมีอารมณ์ขันเป็นนิจ
ฉันจะส่งเสริมนักเรียนที่มีทักษะ และความสนใจพิเศษในด้านภาษาไทยให้ได้รับประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน ในวาระและโอกาสต่างๆเสมอ เพื่อเพิ่มพูนทักษะ เราต้องทำตัวเป็น "กบนอกกะลา" ที่ผ่านมากิจกรรมที่เป็นความภาคภูมิใจของครูอย่างฉันที่สุด และเป็นที่ยอมรับในความสามารถอันโดดเด่นของนักเรียนโรงเรียนสตรีเศรษฐบุตรบำเพ็ญสร้างชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์แก่โรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะ สพฐ เขต 2 ว่าเมื่อไปร่วมประกวดทักษะคัดลายมือทุกประเภทจะต้องได้รับรางวัลทุกครั้งเสมอมา ที่เป็นความภาคภูมิใจมากที่สุด คือนางสาวนฤมล เพ็ชรทิพย์ ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภาคกลางและภาคตะวันออก
อนึ่งการฝึกคัดลายมือเป็นความสามารถที่จะต้องใช้ทักษะด้านภาษาไทยหลายอย่าง ทั้งเรื่องของการสะกดคำแม่นยำ วางตำแหน่งพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ได้ถูกต้อง และที่สำคัญเน้นการฝึกสมาธิได้อย่างยิ่งยวด
สำหรับวันนี้ฉันขอฝากข้อคิดสำหรับเพื่อนครูโดยขอยกบทร้อยกรองของ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ซึงฉันได้ยึดถือเป็นแบบอย่างของความเป็นครูในหัวใจตลอดมา
" เพียงแต่สอนนั้นไซร์ไม่ลำบาก
เป็นครูนี้สิยากเป็นหนักหนา
จะต้องใช้ศิลปวิทยา
อีกทั้งมีความเมตตาอยู่ในใจ"