Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

ตอนที่ 13 ถ้ำบาดาลใต้แม่น้ำโขง


ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ป่าไม้ยังอุดม สมบูรณ์อยู่มากเป็นป่ารกชัฏ ต้นไม้ใหญ่น้อยประดับประดา ป่าให้เขียวขจีสวยงาม

มีสัตว์ป่า มากมายออกท่องเที่ยวหากิน ท่ามกลางเครื่องประดับมีชีวิต

เขียวขจีนี้จะว่าไปแล้วต้นไม้ใหญ่ ก็เปรียบเสมือนสาวงามของผู้ ชอบใจและหลงใหลในธรรมชาติ อันบริสุทธิ์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระภิกษุผู้ชอบแสวงหาความสงบสงัด และแสวงหาดินแดนที่สัปปายะเหมาะแก่การประพฤติปฏิบัติธรรม

เมื่อพระหนุ่มเดินธุดงค์ลัดเลาะป่าเขา จนไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง

ก็มองหาพื้นที่อันเหมาะแก่การปักกลด เพื่อที่จะเจริญสมณธรรม

นำไปสู่การขัดเกลา จิตใจของตนเองให้เบาบางลง จากความโลภ ความ โกรธ ความหลง

ตลอดทั้งการละจากนิวรณธรรมอันมี กามฉันทะนิวรณ์ ซึ่งบางครั้งเวลานั่งอยู่เงียบ ๆ เพียงคนเดียว

จิตก็มีความรู้สึกอุตริไปกับกามคุณได้ และเมื่อขาดสติจะทำให้เกิดการปรุงแต่งเพิ่มขึ้นด้วย

บางที จิตมันนึกถึงคนรักเก่าที่เคยอยู่ด้วยกันครั้นก่อนมา

ทำให้จิตตกอยู่ กามฉันทนิวรณ์

ถ้าเกิดอารมณ์อย่างนี้ จะต้องแก้ด้วยการเจริญอสุภกรรมฐาน คือ ระลึกถึงซากศพ สิ่งสกปรก เน่าเหม็นของรูปนั้น ๆ หรือคนนั้น ๆ

แต่ถ้าเผลอสติจิตก็จะปรุงแต่งไปในพยาบาท

ความไม่พอใจในอารมณ์ที่เป็นเรื่องอดีตและอนาคต จนต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

พอมีสติรู้สึกตัวทันก็พิจารณาตามดู ตามรู้ ตามเห็นให้ตลอดอย่างต่อเนื่อง

ก็จะทำให้อารมณ์เบาบางลง พระพุทธองค์ให้ตั้งสติเจริญเมตตา

เพื่อต่อสู้ กับจิตที่คิดจะทำร้าย ให้มีเมตตาต่อกันกับเพื่อนมนุษย์

แต่ถ้าสติอ่อนก็ไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ไว้ได้ เพียงแต่รอเวลาที่จิตมันวางแผนเอาไว้

ถ้ารอเวลาสักพักหนึ่ง อารมณ์เหล่านี้ก็จะอ่อนลงเองจนได้สติ

ความรู้สึกทางกายผ่อนคลายลง

การกระตุ้นความรู้สึกก็อ่อนกำลังลง จนกลายเป็น ถีนมิทธนิวรณ์

ความอ่อนเพลียจน หลับหรือง่วงเหงาหาวนอนสะลึมสะลือ ไม่สามารถที่จะประคองตัวเองได้

ถ้าทำสมาธิก็ไม่มีสติ ถ้าขับรถก็หลับใน อันตรายถึงชีวิตเช่นกัน

และ อุทธัจจกุกกุจ นิวรณ์ จิตขาดการพิจารณา

หรือจิตหลับ ๆ ตื่น ๆ งง ๆ ง่วง ๆ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร ไม่รู้ในเหตุในผล

ไม่สามารถรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิตตนเอง จึงเรียกกันว่าจิตฟุ่งซ่าน

เหมือนอารมณ์ คนบ้าหงุดหงิด จิตวุ่นว่ายอยู่ตลอดเวลา

เกิดความหวาดระแวงคนโน้น คนนี้ จนไม่มีความสุขในชีวิต จึงทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตัวเอง

สงสัยเรื่องต่าง ๆ ไม่มีความจริงใจกับ ใคร ๆ เพราะจิตหาข้อยุติให้ตัวเองไม่ได้ มัวแต่สงสัย

เพราะไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ ก็เกิดความลังเลสงสัย ไปทุกเรื่องทั้งเรื่องของตนเอง และบุคคลที่อยู่รอบข้าง

จิตจึงหาวิธีป้องกันตัวเอง โดยการสร้างเรื่องราวขึ้นมา เพื่อปกป้องตัวเอง แต่กลับกลายเป็นการสร้างปัญหา ขึ้นมาใหม่

เพราะความลังเลสงสัยนี้เองเป็นสาเหตุที่ ทำให้จิตมองสิ่งต่าง ๆ อย่างสงสัย

พระพุทธองค์ทรง เรียกว่า วิจิกิจฉานิวรณ์

สงสัยในคุณงามความดี ในบุญคุณของพ่อแม่

บุญบาปว่ามีจริงหรือไม่

จึงหลงทำผิด ๆ จึงต้องเจริญปัญญา ทำให้รู้แจ้งเห็นจริงตาม สัจธรรม

เมื่อภิกษุหนุ่มปักกลดเรียบร้อยแล้ว ก็เจริญเมตตาภาวนาจนเข้าสมาธิไปนานทั้งคืน

ในขณะที่ทำสมาธิอยู่นั้น

ปรากฏเกิดนิมิตขึ้นในจิตของท่าน

เป็นภาพนิมิตเห็นตัวท่านเองเดินลงไปในถ้ำแห่งหนึ่ง

ที่อยู่ห่างไปข้างหน้าประมาณ ๑๕ - ๒๐ เมตร

พระหนุ่มเดินลงไปในถ้ำลึก

ถ้ำนี้ก็ดูแปลกตาเป็นอัศจรรย์ แม้ทางเข้าถ้ำจะไม่ใหญ่โตนัก

ซึ่งตอนแรกที่ปักกลด พระหนุ่ม มิได้เห็นถ้ำเลยแม้แต่น้อย

ครั้นเดินลงไปในถ้ำภายใน มีช่องน้อยใหญ่นำไปสู่ทิศต่าง ๆ

พระหนุ่มได้แต่แปลกใจว่า ช่องเหล่านี้จะนำท่านไปสู่ที่ใด

นอกจากนี้ยังมีเสาหินอีกประมาณ ๔๐ – ๕๐ ต้น ในห้องกลางนั้น และมีห้องเชื่อมต่อเนื่องกันไป

พระหนุ่มเกิดรู้ด้วยจิตขึ้นมาว่า

ทางเดินภายในถ้ำนี้จะพา ไปได้ไกลจนมุดลอดใต้แม่น้ำโขงเลยทีเดียว

นับว่าเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก เดินเข้าไปสักหน่อย

พระหนุ่มก็เห็นโรงศพวางอยู่ในห้องนั้นสองโรง

ทันใดนั้นเอง ก็ปรากฎมีชายท่านหนึ่งโผล่ออกมาจากไหนมิทราบ ทำตนเป็นเจ้าหน้าที่ภายในถ้ำตอบข้อสงสัยของพระหนุ่ม

โดยพูดบอกว่า โรงศพนี้บรรจุศพของพระเจ้าศรีมงคล และ ศพของพระนางศรีนาคี

ซึ่งเป็นพระสหายกับพระเจ้าศรีสุทโท พญานาคผู้เป็นใหญ่แห่งเมืองบาดาล เมืองพญานาคแห่งคำชะโนดนั่นเอง

ผู้นำทางชี้บอก พระหนุ่มว่า แต่ละทางที่แยก ออกไป สามารถนำไปสู่ ที่ไหนได้บ้าง พร้อมกับพาเดินไปเรื่อย ๆ

ระหว่างทาง นั้นก็พบผู้คนอยู่ข้างทาง และคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นว่า “เอาคนนอก มาทำไม”

ผู้นำทางก็ตอบว่า ท่านไม่ใช่ คนนอก ท่านเป็นคนช่วยสร้างที่นี้ให้เราอยู่

ท่านไปช่วยญาติ ไปเยี่ยมญาติพึ่งกลับมา

ในนิมิตนั้น ภิกษุหนุ่มเห็นคนเป็นครึ่งคน ครึ่งพญานาค บางทีหัวเป็นคนตัวเป็น พญานาค

บางทีหัวเป็นพญานาคตัวเป็น คนราวกับในนิยาย หรือตำนานที่เคยได้ยิน มาก็มิปาน

แต่พินิจดูแล้วมีร่างกายที่เป็นสีทองสะอาด

พระภิกษุจึงถามคนนำทางว่า “ท่านเหล่านี้ อายุเท่าไร”

เขาตอบว่า “ท่านนี้ ๑,๐๐๐ ปี ท่านนี้ ๕๐๐ ปี บางท่านในนั้นมีอายุ ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว

บำเพ็ญเพียรรอพระอรหันต์ที่ได้อภิญญาสมาบัติ ๘ มาโปรด”

นี่คือคำตอบของผู้นำทาง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่งนัก มัคคุเทศก์ไม่ได้รับเชิญยังชี้ทาง ต่อไปว่า

“...ดูที่นี่

• ทางนี้ สามารถเดินทะลุไปยังฝังประเทศลาวถึงภูเขาควายเป็นปากถ้ำใหญ่

• อีกทางหนึ่งไปที่ทางน้ำตกหลีผี น้ำตกคอนพระเพ็ง ซึ่งพระภิกษุหนุ่มไม่เคยรู้จักมาก่อนในตอนนั้น

• อีกช่องทางหนึ่งมาที่พระธาตุพนม ที่เจดีย์พระธาตุพนม

• อีกช่องทางหนึ่งไปทางเจดีย์พระธาตุศรีสองรัก

• อีกทางหนึ่งมาที่วัดหินหมากเป้ง ซึ่งเป็นทางไปฟังธรรมกับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ...”

นั่นหมายความว่า ถ้ำแห่งนี้มีความลึก หรือ ระยะทางอันไกลโพ้นทีเดียวที่สามารถเชื่อมดินแดน ต่าง ๆ บนโลกมนุษย์ได้

แล้วทั้งสองก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนเห็นห้องโถงใหญ่ห้องหนึ่ง พื้นสะอาดเรียบร้อย มีสระบัวอยู่ในถ้ำนั้นด้วย

ความกว้างของสระก็ประมาณ ๕ เมตร และมีดอกบัวอยู่ในสระนั้นประมาณ ๙ ดอก ทั้งบานและตูม

ถัดไปจากสระบัวประมาณ ๓ เมตร มีแท่นวางอยู่

ในขณะนั้นพระภิกษุหนุ่มก็ได้เดินออก

ออกมาจากห้องนั้น ด้วยการเดินออกทางข้างบนหลังถ้ำ

เป็นเวลาเดียวกับที่พระหนุ่มออกจากสมาธิพอดี

เมื่อลืมตาขึ้นมาปรากฎว่า อรุณรุ่งเช้าวันใหม่แล้ว น่าจะสักประมาณตี ๕ กว่า ๆ

จึงรำพึงนึกอยู่ในใจว่า นี่ เรานั่งสมาธิจนเช้าเลยหรือนี่

แล้วในนิมิตนั้น คือเรื่อง จริงหรือไม่ มันคือเมืองบาดาล เมืองพญานาคใช่ไหม

แล้วทำไมผู้นำทางแปลกหน้า จึงพูดจาเสมือนรู้จักเรามาก่อน ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่เคยรู้จักพวกเขาเลย

ณ ขอบฟ้ายามรุ่งอรุณ เริ่มมีแสงทองฉาบฉาย เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นชีวิตในวันใหม่

หมู่นกกา ก็เริ่มโบยบินออกหาอาหารประทังชีวิตเช่นเคย

เมื่อพระหนุ่มออกจากสมาธิแล้ว ก็แผ่เมตตา อุทิศบุญให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย

เจ้าที่เจ้าทาง แม่นางธรณี และ พญานาคที่มาให้เห็นในนิมิตเมื่อคืนด้วย

พระภิกษุ หนุ่มก็เดินไปรอบ ๆ สถานที่นั้น

แม้จะสงสัยกับเรื่อง ราวในนิมิตในราตรีที่ผ่านมา

แต่ก็พระหนุ่มก็ไม่ลืมจะส่งกระแสจิตแห่งความเมตตา ลงไปให้ตามทิศที่ตนได้ เดินลงไปนั้นด้วย...

สามารถติดตามอ่าน หรือศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
http://www.watpacharoenrat.org/home/medial.php?pri...จากคอลัมน์ เรื่องเล่าจากพระป่า หน้า ๘ วารสารกระแสใจฉบับที่ ๑๕


หมายเลขบันทึก: 596545เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2015 23:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2015 22:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท