​ การใช้ปุ๋ยอินทรีย์บวกเคมี ต้นทุนลด ผลผลิตเพิ่ม ดินไม่เสีย

การใช้ปุ๋ยเคมีในปัจจุบันพี่น้องเกษตรเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นเป็นลำดับ เนื่องด้วยว่ามีราคาแพง มีต้นทุนสูงและบางครั้งอาจจะทำให้ดินเสีย (สารเคมีในรูปกรดจากปุ๋ยเคมีที่ละลายออกมาสะสมอยู่ในเนื้อดิน)ทำให้ดินที่เกิดการสะสมความเป็นกรดของปุ๋ยเคมีมากขึ้น มักจะไม่ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ย คือไม่ว่าจะใส่ปุ๋ยเพิ่มเข้าไปมากที่ใด พืชก็มีอาการแคระแกร็นขาดปุ๋ยอยู่เช่นเดิม อันนี้ก็เป็นสาเหตุที่เกษตรกรชาวไร่ชาวนาประสบพบเจอกันมามากต่อมาก แต่ไม่ทราบว่าต้นเหตุที่แท้จริงนั้นมาจากอะไร

การใช้ปุ๋ยเคมีจึงอยู่ในความสนใจระคนกับความสงสัยเข้ามาด้วย ว่าการใช้ปุ๋ยเคมีนั้นดีจริงหรือไม่ใช่แล้วจะมีพิษเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมไหมถ้าไม่ใช่ผลผลิตจะลดลงจากเดิมมากน้อยเพียงใดเกษตรกรที่เป็นคออินทรีย์ หรือปลอดสารพิษ ไม่มั่นใจว่า การใช้ปุ๋ยเคมีนั้น แตกต่างจากการใช้ สารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลงอย่างไร? ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะมีอีกหลายสาเหตุที่ต่างก็สงสัยกันไป และก็ยังไม่ค่อยเห็นมีหน่วยงานใดออกมาให้ความกระจ่างในเรื่องนี้อย่างชัดเจน

ในเนื้อหาบทความนี้ก็ใช่ว่าจะมาสาธยายในเรื่องปุ๋ยเคมีอย่างเจาะลึกนะครับ เอาไว้ผู้ที่สนใจจริงๆ ให้โทรมาคุยกันจะดีกว่าแต่จะขอเขียนในประเด็นที่ว่า จะใช้ปุ๋ยเคมีอย่างไร จึงจะได้ประโยชน์กับพืช ดินและตัวพี่น้องเกษตรกรให้สูงที่สุดจะดีกว่า... เอาเป็นว่าถ้าใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว ดินจะแน่นแข็งและเป็นกรด (ดินเปรี้ยว) ได้ง่าย สุดท้ายทำให้ดินที่เพาะปลูกไม่ตอบสนองต่อการดูดกินแร่ธ่าตุและสารอาหารของรากพืชดินที่แน่น ที่แข็งและเปรี้ยวก็ไม่เหมาะสมต่อการพักอาศัยของไส้เดือน จุลินทรีย์ แมงมุม ตัวห้ำตัวเบียน ฯลฯ

การใช้ปุ๋ยเคมีในแบบที่เรียกว่าชาตินี้ทั้งชาติดินก็ไม่เสียนั่นก็คือการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก โดยอาจจะเริ่มจากอย่างละ 50 : 50 ไปก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ลดจำนวนปุ๋ยเคมีลงเป็น 60 : 40, 70 : 30, 80 : 20, 90 : 10 จนกว่าจะได้สัดส่วนที่พืชเจริญเติบโตและผลผลิตไม่ลดน้อยถอยลง โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรที่เป็นนาดินทรายนี้ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ถ้าหยุดการใช้ปุ๋ยเคมีแบบทันทีทันใดและหันไปใช้รูปแบบเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบ ก็จะทำให้สูญเสียโอกาสของรายได้ เพราะดินยังไม่สมบูรณ์พร้อมเหมือนกับดินในป่าเขาลำเนาไพร ฉะนั้นการใช้ปุ๋ยเคมีแบบค่อยๆ ลด ละ เลี่ยง เลิก ไปทีละน้อย จนสอดคล้องสัมพันธ์กับคุณภาพดินจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดนะครับ

มนตรีบุญจรัส

ชมรมเกษตรปลดสารพิษwww.thaigreenagro.com