ประเทศเกษตรอินทรีย์ทำไมมีแต่ร้านปุ๋ยยาเคมี


หลายประเทศทั่วโลกที่ผู้คนชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเอาใจใส่ในเรื่องของความปลอดภัยไร้สารพิษ หลีกเลี่ยงการอุปโภคบริโภคผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆที่มีสารพิษตกค้างเจือปน เพราะเค้าไม่ต้องการที่จะให้สารพิษเหล่านี้สะสมอยู่ในร่างกายและก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่แทรกซ้อนและฉวยโอกาสในช่วงอายุที่มากขึ้น หรืออาจจะมาได้ในทุกโอกาสที่ร่างกายและภูมิคุ้มกันของเราอ่อนแอลง

ทั้งโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน สะเก็ดเงินสะเก็ดทอง โรคมีบุตรยาก โรคตาพร่ามัว โรคผิวหนังอักเสบ โรคอัมพฤตอัมพาต โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ รวมถึงโรคเซลล์เนื้อเยื่อแบ่งตัวผิดปรกติหรือมะเร็งที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกันอยู่นั่นเอง

ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ครับว่าประเทศไทยของเรานั้นก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการรณรงค์ส่งเสริมให้มีการทำเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย เกษตรไร้สาร เกษตรปลอดสารพิษ ตั้งแต่ยุคของรัฐบาลไทยรักไทย จนมาถึง รัฐบาล คสช. แต่ตัวเลขการนำเข้าปุ๋ยเคมีปีหนึ่งๆ 5,000,000 กว่าตัน มูลค่า 70,000 กว่าล้านบาท อีกทั้งสารเคมีวัตถุอันตรายในรอบสิบปีกับมีตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นไม่แพ้กันปริมาณ 130,000 ตัน และมีมูลค่าเป็นตัวเงินสูงถึง 18,000 ล้านบาท ถ้าหันกลับไปมองดูตัวเลขด้านการนำเข้าสารชีวภัณฑ์กลับมีตัวเลขที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว คืออยู่ที่ประมาณ 100 กว่าตัน มูลค่า 21 ล้านบาท

ดูตัวเลขแล้วก็น่าใจหายนะครับ ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเราที่มีส่วนเกี่ยวข้องและมีจิตใจที่ใฝ่รักเกษตรอินทรีย์ชีวภาพน่าจะเข้ามาดูและสร้างกิจกรรมให้เกิดบทบาทในรูปแบบที่มีตัวเลขนำเข้าสารเคมีที่เป็นอันตรายให้น้อยลง และช่วยกันรณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรหาวัสดุ สมุนไพร จุลินทรีย์ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นใกล้ตัวมาปรับประยุกต์ใช้ทดแทน จะได้ไม่ต้องนำเข้าทั้งสารชีวภัณฑ์และสารอันตรายจากต่างๆประเทศให้มีตัวเลขที่สูญเสียเงินตราของไทยโดยใช่เหตุ

รัฐบาลที่น่ารักน่าจะมาช่วยกันรณรงค์ส่งเสริมให้ปราชญ์ชาวบ้าน ชมรมฯ สมาคม ต่างๆ ที่มีหัวใจไร้สารพิษ มาร่วมกันประกวดแข่งขันการทำสารชีวภาพปราบโรค แมลง เพลี้ย หนอน รา และไร ใช้ ให้เพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องเกษตรกรที่มีมากถึง 40 % (28 – 30 ล้านคน) ซึ่งส่วนใหญ่ทำหน้าที่ผลิตอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้องมนุษย์ทั้งไทยและต่างประเทศให้มีผลผลิตออกมาสู่โต๊ะอาหารในลักษณะที่เป็นแบบปลอดภัยไร้สารพิษ เพราะสามารถหาซื้อหาใช้ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายไร้สารพิษกันได้ง่ายๆ น่าจะมีการประกวดร้านค้าเกษตรชีวภาพสัก 10,000 ร้านค้า และภายในสองสามปี คัดกรองให้เหลือร้านคุณภาพเพียง 5,000 ร้านค้า และในอีกสองสามปีคัดเลือกให้เลือก 1,000 ร้านค้า อย่างน้อยก็แป็นการนำร่องให้เกิดการประชันขันแข่งร้านจำหน่ายปัจจัยเกษตรชีวภาพออกมาสู่ประชาชนคนรากหญ้าได้มากขึ้น ดีกว่าปล่อยให้ร้านเคมีเกษตรที่จำหน่ายแต่ของนำเข้าจากนอกปีละเป็นหมื่นเป็นแสนร้านบาทแต่เพียงอย่างเดียว ควรหามาตรฐานที่เหมาะสมในการกำกับดูแลแบบไทยๆ ไม่ใช้หรืออิงมาตรฐานฝรั่งจนเกินงาม(ใช้กฎเกณฑ์จากประเทศที่พัฒนาแล้วมาบังคับใช้กับประเทศที่ด้อยหรือกำลังพัฒนา ก็เปรียบเหมือนใช้กฎกติกาบาสเกตบอลที่ใช้คนเล่นสูงสองเมตรขึ้นไป ซึ่งชาตินี้ไทยคงจะไม่มีวันชนะ)และยิ่งจะทำให้เกษตรอินทรีย์ชีวภาพเกิดยาก ไม่สอดคล้องกับนโยบายที่ท่านผู้นำกำลังรณรงค์ส่งเสริม ขัดแย้งกับกฎกติกาโลกควรที่จะต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป นะครับ

มนตรีบุญจรัสง

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษwww.thaigreenagro.com

หมายเลขบันทึก: 595491เขียนเมื่อ 29 กันยายน 2015 14:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน 2015 14:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท