เที่ยวเหนือสุดของเวียดนาม….."ซาปาดินแดนแห่งนาข้าวแบบขั้นบันได"


เที่ยวเหนือสุดของเวียดนาม….."ซาปาดินแดนแห่งนาข้าวแบบขั้นบันได"


ครั้งแรกกับการท่องเที่ยวโดยใช้บริการทัวร์นำเที่ยว ซึ่งก็ประทับใจมาก เพราะทั้งกรุ๊ปทัวร์มีกันแค่ 8 คน น้องๆ ทุกคนเป็นกันเอง และน่ารักมาก เหมือนรู้จักกันมานาน จริงๆ ก็คล้ายๆ อย่างนั้นแหละ เพราะ เกือบทั้งหมดเป็นรุ่นน้องทั้ง มอ. และ มช.


บรรยากาศเวียดนามก็คล้ายๆ กับเมืองไทย เวลาก็เป็นเวลาเดียวกัน จึงไม่ค่อยรู้สึกแตกต่างอะไรมาก ภูมิประเทศโดยรวมเป็นเกษตรกรรม ทำนา ทำสวน ทุกๆ พื้นที่ของเวียดนามจึงประกอบได้ด้วยแม่น้ำ และลำธารตลอดเส้นทาง ซึ่งตอนนี้เวียดนามเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก จึงไม่แปลกเลยที่เราเห็นแต่ทุ่งนา ตั้งแต่พื้นราบ จนกระทั่งถึงภูเขาทั้งภูเขาส่งผลให้เกิดทิวทัศน์อันสวยงาม โดยไม่ต้องเสียเงินไปปรับแต่งภูมิทัศน์ ซึ่งดึงดูดคนทั่วโลก ให้ไปดูทิวทัศน์เหล่านั้นเกิดเป็นที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเวียดนาม คือ เมืองซาปา อยู่ทางตอนเหนือสุดของเวียดนามติดกับแคว้นยูนนานของจีน พื้นที่เป็นภูเขาสูงมากกว่า 1500เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งมีจุดเด่นคือมีการทำงานแบบขั้นบันไดมาก จึงเกิดเป็นทิวทัศน์อันสวยงามยิ่ง เดิมเป็นเมืองตากอากาศของชนชั้นสูงของฝรั่งเศส เพราะอากาศหนาวดีมาก เราจึงเห็นสถาปัตยกรรมของฝรั่งเศสในเมืองซาปา เช่น โบสถ์กลางเมือง




เนื่องจากทิวทัศน์เป็นที่ราบสูงและภูเขาสูง เมืองซาปา จึงมีน้ำตกซึ่งเป็นบ่อเกิดของแม่น้ำสายต่างๆ ของเว่ียดนาม เช่น น้ำตกสีเงิน silver waterfall ซึ่งมีความสูงชันมาก เราต้องปีนขึ้นไป แต่ทางเดินสบาย และเราต้องไปเยือนหมู่บ้านชาวเขา cat cat village เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งดำ คล้ายๆ ทางเหนือของไทย การเดินทางต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์ และต้องเดินต่อลงไปอีกในหุบเขา เหนื่อยแต่สวยมากจริงๆ ชมวิิถีชีวิตของชาวเขา ชมแปลงนาข้าวแบบขั้นบันไดระยะใกล้ๆ ซึ่งเมื่อไปดูใกล้ๆ ก็คือนาข้าวธรรมดานี่เอง ซึ่งพวกเค้าไม่รู้หรอก ว่าสิ่งที่พวกเค้าทำครอบครัวละแปลงสองแปลงทั้งภูเขา จะส่งผลต่อทิวทัศน์ที่สวยงามได้มากมายขนาดนั้น ซึ่งเป็นความสวยงามที่ต้องดูจากระยะไกล



สำหรับฮานอย เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสองของเวียดนาม แต่ก็น่าจะคิดว่าเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือก็ว่าได้ โดยทั่วไปในฮานอย ก็มีของขายวางกันทั่วเมืองเหมือนบ้านเรา รถมอเตอร์ไซด์ ก็เยอะ จราจรก็แออัดคล้ายๆ กัน แต่ต่างกันตรงที่ผู้คนของเวียดนาม ไม่ค่อยจะยิ้มแย้ม แจ่มใสเหมือนบ้านเรา ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะ เวียดนามอยู่ในสังคมคอมมิวนิสต์มาก่อนก็เป็นได่้ คนเวียดนามอพยพมาจากจีนตอนใต้ และอยู่ในการปกครองของจีนฝรั่งเศส จนกระทั่งลุงโฮจิมินห์ประกาศอิสรภาพและประกาศตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ซึ่งลุงโฮฯ ถือเป็นวีรบุรุษ ที่ชาวเวียดนามเคารพอย่างยิ่ง


สุสานลุงโฮ จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่เป็นจุดขายของเวียดนาม ซึ่งร่างของรััฐบุรุษประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ได้รับการอาบน้ำยาเป็นอย่างดีอยู่ในโลงแก้ว ภายในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิคงที่ และยังชมบ้านพักซึ่งเคยเป็นศูนย์บัญชาการในสงครามเวียดนาม ที่ทำงานประจำ รถยนต์ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์โฮ่จิมินห์ ซึ่งเป็นที่แสดงประวัติศาสตร์การกู้ชาติของลุงโฮ

รถสามล้อชมเมืองฮานอย

อีกหนึ่งประสบการณ์ในชีวืตกับมิตรภาพของน้องๆ น้องหมอม้อย หมอเจี๊ยบ หมอเก่ง -น้องแม็ค น้องตุ่น น้องอ๊อดและน้องต้อม ที่ดูแลพี่กับพี่เค็งเป็นอย่างดี ทั้งหมดคือ ความประทับใจจากการเยือนเวียดนาม

หมายเลขบันทึก: 595051เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2015 12:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 ตุลาคม 2020 15:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท