เมื่อโรงเรียนเปิดเทอมใหม่ที่เริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม พวกครูและโรงเรียนทั้งประเทศจะเริ่มต้นกระบวนการวัดความสามารถในการสอนภาษาอังกฤษกับกรอบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษจากยุโรป หรือ CEFR การจัดความสามารถทางภาษาอังกฤษองครูไทยนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานความรู้ภาษาอังกฤษในประเทศไทยแล้ว แต่ยังใช้ในการกำหนดยุทธวิธีและใช้ให้ครูได้ดำเนินตามจุดหมายเหล่านี้ด้วย
สำหรับการทดสอบ CEFR ในด้านภาษาถูกพัฒนาขึ้นโดยสหภาพยุโรปเป็นเวลา 20 กว่าปี ก่อนที่จะใช้ทดสอบในปีภาษาแห่งยุโรปเมื่อปี 2001 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา CEFR จึงได้ความนิยมทั้งยุโรปและทั่วโลก
กรอบความคิดถูกใช้ในการวัดเปรียบเทียบสมรรถนะเกณฑ์มาตรฐาน (benchmark) สำหรับความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ทั้งในทักษะการอ่าน, ทักษะการเขียน, ทักษะการพูด และทักษะการฟัง กรอบ CEFR ถูกแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับพื้นฐาน (Level A), ระดับพึ่งพิง (Level B) และระดับความสามารถ (Level C) ตารางข้างล่างย่อความสามารถของผู้เรียนในแต่ละระดับ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ใน the Council of Europe’s website
กระทรวงศึกษาธิการของไทยได้ตั้งจุดหมายความสามารถของภาษาอังกฤษ ในนักเรียนแต่ละระดับในประเทศไทยไว้ว่า
เมื่อจบประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 (Grade 6) นักเรียนจะสามารถเข้าถึงความสามารถระดับ A1
เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (Grade 9) นักเรียนจะสามารถเข้าถึงความสามารถระดับ A2
เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (Grade 12) นักเรียนจะสามารถเข้าถึงความสามารถระดับ B1
จุดหมายแต่ละอันนั้นเป็นสิ่งที่เป็นความจริงกับประเทศที่ใช้ภาษาเพื่อการท่องเที่ยวเหมือนกับประเทศไทย จุดหมายของระดับ 6 และระดับ 9 เป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ในโรงเรียนที่เน้นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ แต่กับเกรด 12 นั้น จุดหมายระดับ B1 เป็นสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาแบบพิเศษ อย่างไรก็ตาม จะเป็นสิ่งที่ใช้เวลาจำนวนมากและความพยายามอย่างยิ่งยวดในการให้เด็กที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่จะเข้าถึงระดับความสามารถนี้ได้
แปลและเรียบเรียงจาก
Daniel Maxwell. Thai schools adopt European framework to boost English language proficiency
…………………………
ไม่มีความเห็น