คำสั่งเสีย สุดท้าย ..อย่าไปมีคนอื่น


คำสั่งเสีย สุดท้าย และกลับไปตายดีที่บ้าน

วันที่ 26 สิงหาคม 2558

ดิฉันขึ้นไปที่ทำงาน น้องรายงานว่า มีผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจตั้งแต่เช้า จึงเดินไปดูผู้ป่วย

น้องเวรดึกรายงานว่า ผู้ป่วยหญิงไทย วัยผู้ใหญ่ อาุยุ 57 ปี วินิจฉัยโรคเป็น Carcinosarcoma of retroperitoneal mass เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ยาเคมีบำบัด มี heart fail & deepvien trobosis @etc รักษาอาการดีขึ้น แพทย์ให้กลับบ้านไปก่อนในเดือน กรกฎาคม 2558 ครั้งนี้นัดมาให้ยาเคมีบำบัดอีก เพื่อรับยาเคมีบำบัดครั้งแรก มานอนรักษารพ วันที่ 25 สิงหาคม 2558

เมื่อคืนนี้ผู้ป่วยปวดปัสสาวะ เลยนั่งหม้อนอนที่เตียง พอปัสสาวะเสร็จรู้สึกเหนื่อย วัดสัญญาณชีพ ความดันต่ำลง ชีพจรเบาแต่ไม่เร็ว ออกซิเจนต่ำ รายงานแพทย์ ให้ยาเพิ่มความดัน ใส่ท่อช่วยหายใจให้ผู้ป่วยและใส่เครื่องช่วยหายใจไว้

เวลาประมาณ 8.30 น ดิฉันเข้าไปคุยกับผู้ป่วย มีลูกชายคนโตจับมือแม่ไว้ ลูกสะใภ้ยืนอยู่ข้างเตียง ผู้ป่วยลืมตา ยังพอรู้เรื่อง สามารถสื่อสารกับทีมโดยการพยักหน้าได้ ดิฉันหาเก้าอี้ให้ญาตินั่งข้างผู้ป่วยเพื่อพูดคุยกัน และบอกญาติว่า ..อยากบอกแม่ว่ายังไง ก็บอกนะคะ แล้วกั้นม่านเพื่อบังตาและเปิดให้ทีมได้มองเห็นผู้ป่วยได้

ดิฉันมองเห็นว่าญาติไม่กล้าคุยกับแม่ ดิฉันเลยลองคุยกับผู้ป่วยว่า... ปวดตรงไหนไหม ปวดตรงท้องใช่ไหม ผู้ป่วยพยักหน้าได้

....

ดิฉันเดินออกมาสักพัก ญาติบอกว่า คุยได้สักพัก ผู้ป่วยแน่นิ่งไป

ทีมแพทย์ พยาบาล เริ่มกระบวนการปั๊มหัวใจ เรียก CPR team

หมอรุ่นพี่มาถึง หมอรุ่นน้องรายงาน

ช่วยกันปั๊มหัวใจประมาณ 10 นาที หัวใจก็เต้นกลับคืนมา

...........

หมอรุ่นพี่...ขอพบญาติ เราเข้าไปร่วมทีมด้วย หมออธิบายให้สามีผู้ป่วยและลูกชาย ฟังหลายประเด็น

แต่ขอนำประเด็นสำคัญที่คุยกันมาให้บางส่วน.....

ผู้ป่วยได้เข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิตแล้ว หมอปั๊มหัวใจให้ขณะนี้หัวใจกลับมาเต้นแล้ว

ถ้าผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นอีก ญาติจะให้เราทำอีกไหมคะ แต่ถึงทำอีกก็ไม่ได้แปลว่ารักษาโรคให้หายได้

หมอถามว่า... ขณะนี้ญาติจะตัดสินใจอย่างไร อันแรก อยู่จนลมหายใจหมดที่ รพ หรือจะนำกลับไปที่บ้าน

ลูกชายและพ่อ สีหน้าลังเล และบอกว่า... ให้ทำให้ถึงที่สุด

หมอย้ำอีกว่า... ถึงทำ ไม่ได้แปลว่า รักษาให้กลับมาหายได้

ญาติเริ่มเข้าใจ... เลยตอบหมอว่า.. ถ้างั้นขอนำกลับบ้าน แต่จะทำอย่างไรถึงจะกลับถึงบ้านได้ขณะมีลมหายใจ

เราเลยบอกญาติว่า ...พยาบาลจะติดต่อรถที่มีเครื่องช่วยหายใจและมีพยาบาลไปด้วย

ลูกชายบอกกับทีม ว่าไม่อยากให้แม่ทรมานอีกต่อไป ก็จะขอพาแม่กลับบ้าน แม่จะได้เห็นลูกหลานและอบอุ่น

....

ดิฉันจึงชวนลูกชายไปนั่งข้างเตียง แม่ ลูกคุยกับแม่ว่า...จะพาแม่กลับบ้าน แม่พยักหน้า

ลูกสะใภ้ เดินเข้ามาบอกแม่ว่า... แม่ไม่ต้องห่วงหลานนะ หนูจะดูแลลูกให้ดี แม่คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไว้นะ

แม่หลับตา... พยักหน้า

น้องๆผู้ช่วยพยาบาลแต่งตัวให้คนไข้ รอรถมารับกลับบ้าน

เราบอกญาติว่า...ชวนแม่กลับบ้านและเรียกขวัญของแม่กลับบ้านด้วยนะคะ

...........

ก่อนกลับพอมีเวลา.. ดิฉันนั่งคุยกับสามีของผู้ป่วย หลังจากผ่านการร้องไห้สักพัก

และถามว่า...คุณลุง เป็นยังไงบ้างคะตอนนี้ เมื่อคืนได้นอนไหม ทานข้าวเช้าหรือยัง...เราคุยกันหลายเรื่อง แต่ขอกล่าวถึงบางประเด็น คือ...

ผู้ป่วยสั่งเสียว่ายังไงบ้างไหม หรือ คำสั่งเสีย สุดท้าย

สามีคนไข้บอกว่า ...เธอเป็นคนแข็ง ไม่พูด ไม่ให้พูดเรื่องนี้

แต่มีเรื่องเดียวที่บอกและห่วง คือ.. ห่วงผม และบอกผมว่า...... อย่าไปมีคนอื่น สามีผู้ป่วยพูดแล้วก็ อมยิ้มนิดๆ

ดิฉันเลยถามว่า ลุงอายุเท่าไหร่คะ

ลุงตอบว่า 58 แล้ว ลุงคงเหงาเพราะอยู่กันมากว่าสี่สิบปี เคยอยู่กันสองคน ตอนนี้ต้องอยู่คนเดียวแล้ว ลูกเขาก็มีบ้านของเขา เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่บ้าน อยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร เอาเขากลับบ้าน ก็คงจัดงานที่บ้านแหละ สัก 1 สัปดาห์รอญาติที่อยู่ไกลๆด้วย

ก่อนจากกัน

ลุงยิ้มๆและกล่าวขอบคุณเรา เราไม่ได้ยินคำตอบจากปากสามีผู้ป่วยว่า จะทำตาม คำสั่งเสีย สุดท้ายว่า ..อย่าไปมีคนอื่น

ดิฉันก็หวังว่า... วันเวลา... คงจะพอเยียวยาให้ญาติทำใจได้ ในไม่ช้า

.......

แก้วบันทึก

27 สิงหาคม 2558

หมายเลขบันทึก: 593976เขียนเมื่อ 27 สิงหาคม 2015 06:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน 2015 06:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

กลับมาอ่านอีกครั้ง

มีประเด็นน่าสนใจมากเลยตอนทำงาน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท