สินไซ (1)
“สินไซ” หรือที่หลายคนรู้จักในนาม “สังข์ศิลป์ชัย” เป็นวรรณกรรมพื้นบ้านสองฝั่งโขงที่ยังปรากฏอยู่และสืบค้นได้ว่ากันว่าสินไซนี้ได้เค้าโครงเรื่องมาจากปัญญาสชาดก หรือ “พระเจ้าห้าสิบชาติ” คือชาดกในลำดับที่ 29 เรื่อง “ท้าวพยากุดสะราดชาดก”
สำหรับอีสานบ้านเรา เรื่องราวการต่อสู้ของสามพี่น้องฝ่ายธรรมะ คือ สังข์ สินไซ และสีโห กับฝ่ายอธรรมได้ถูกแปรรูปและเข้าไปบูรณาการเป็นเนื้อเดียวกับศิลปะและวัฒนธรรมหลายแขนง ทั้งหมอลำ การเทศน์ การแหล่ หนังประโมทัยหรือหนังตะลุงอีสาน ฮูปแต้มหรือจิตรกรรมฝาผนัง
ความแยบคายเชิงสุนทรียะของวรรณกรรมเรื่องนี้ อยู่ที่การรับรู้ การตีความและพื้นภูมิทางธรรมของผู้อ่านเป็นสำคัญ
คนที่พอใจแค่ “เปลือก” ก็จะได้ลิ้มรสเพียงความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจไปกับการผจญภัย การชิงรักหักสวาท การชิงไหวชิงพริบ ครบทุกรสชาติของปุถุชน
คนที่ไปถึง “กระพี้” ก็จะได้ข้อคิด แนวทาง แนวปฏิบัติที่สามารถนำไปใช้ได้กับการดำเนินชีวิต การครองตนและการครองใจผู้อื่นรวมถึงการได้รู้จักรากเหง้าของตนเองได้ซึมซับและภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ
แต่ถ้าไปจนถึง “แก่น” แล้วไซร้ สินไซ ก็คือ อภิธรรมขั้นสูง อันหมายถึง แนวทางการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อสั่งสมปัญญาบารมีไปสู่โลกุตรธรรม
ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สินไซยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะที่เป็น “แบบเรียน” เพื่อการบ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรม ให้แก่เด็กและเยาวชน
สำหรับประเทศไทย สินไซดูจะมีความสำคัญที่แผ่วเบาลงไป ไม่ว่าจะในฐานะของวรรณกรรมพื้นบ้าน หรือวรรณกรรมที่แฝงด้วยหลักพระพุทธศาสนา แผ่วเบาไปพร้อมกับศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านที่ถูกกลืนหายไปกับโลกยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งเด็กและเยาวชนคนอีสานรุ่นใหม่ฟังเพลงสตริงลูกทุ่ง แทนหมอลำดูซีรีย์เกาหลีแทนหนังบักตื้อหรือหนังประโมทัย ชมภาพยนตร์ในซีเนเพล็กซ์แทนจิตรกรรมตามฝาผนังโบสถ์
(อ่านตอนต่อไปใน ... สินไช 2 )
ไม่มีความเห็น