" หลักรัก "
โดย พระชยสาโร
"ขอให้เราเรียนรู้เรื่องความรั
รักอย่างไรเศร้าหมอง
รักอย่างไรผ่องใส
รักอย่างไรทำให้อ่อนแอ
รักอย่างไรทำให้เข้มแข็ง
รักอย่างไรทำให้มีความสุขชั่
รักอย่างไรทำให้มีความสุ
ทำอย่างไร เราจะได้พัฒนาขัดเกลาความสุข ความรักของเราให้มีลั
ในประโยคว่า "ฉันรักเธอ"
คำว่า "ฉัน" หมายถึง อะไร ?
ตัวฉันแท้ ๆ อยู่ตรงไหน
ตัวฉันวันนี้กับตัวฉันเมื่
ตัวฉัน 1 ปีที่แล้ว 5 ปีที่แล้ว 10 ปีที่แล้ว 20 ปีที่แล้ว คนเดียวกันหรือไม่ ?
คนเดียวกันก็ไม่ใช่ทีเดียวใช่
คนละคน ก็ไม่ใช่อีก
นี่คือ ความแปลกประหลาดของสิ่งที่ดูชั
พระพุทธองค์ตรัสว่า ตัวฉันที่เที่ยงแท้ถาวรไม่มี !!
สิ่งที่มีอยู่และเรารู้ได้ คือ ความยึดมั่นถือมั่น ในร่างกาย
และความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ว่าเป็นตัวฉัน
ซึ่งเกิดขึ้นและดับไปตลอดเวลา
เปรียบเทียบเหมือน.. คนบ้า เชื่อว่าเป็นทาส
ดิ้นรนทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อเจ้าของจะได้สบาย ได้รวย ได้เจริญ
ทั้ง ๆ ที่ เจ้าของไม่มีตัวจริง
ความยึดมั่นถือมั่นในกายและใจ
หรือ รูปและนามว่าเป็นตัวเรา เราอยากได้สิ่งต่าง ๆ เพื่ออะไร?
ก็เพื่อปกป้อง และบำรุงตัวฉันนั่นเอง
แต่เนื่องจากว่า ตัวฉัน เป็นชื่อของกระแสธรรมชาติที่ไม่
ไม่คงที่ มันทำให้รู้สึกพร่องอยู่เป็นนิจ ?
เรื่องอนัตตาฟังยาก
เพราะมันฝืนสามัญสำนึก
แต่ผู้ใดต้องการปล่อยวางความทุ
จำเป็นต้องเข้าใจในเรื่องนี้
เพราะความรู้สึก ว่าพร่อง ว่าขาด ว่าไม่สมบูรณ์ ว่าอ้างว้าง
เป็นฉากชีวิตปุถุชน
และเป็นเหตุให้อยากได้ความรั
และทำให้ความรักที่ได้เศร้
เพราะหลงว่ามีตัวเจ้าของชีวิตที
จึงดิ้นรนเพื่อความรัก โดยรู้สึกว่าฉันมีปัญหา
แท้ที่จริงแล้ว "ฉันคือ ปัญหา"
ถ้าเรารู้สึกว่าเราขาดอะไรสั
แล้วก็หวัง ว่ามีคนใดคนหนึ่งที่สามารถเสริ
เป็นเหตุให้ความสัมพันธ์กับคนอื
แล้วแปรไปในทางที่ต้องการอะไรสั
เมื่อเราต้องการอะไรสักอย่
และเชื่อว่าถ้าไม่ได้สิ่งนั้น ชีวิตเราจะแย่
ก็ต้องเครียดว่าจะไม่ได้
หรือถ้าได้ ความหึงหวงเพราะกลัวพลัดพราก ก็จะต้องรุนแรง
ถ้าเราฝากความหวังในความสุข
ในความมั่นคงของชีวิตไว้กั
เราก้อต้องทุกข์กับความไม่แน่
และความพลัดพรากที่ รอคอยอยู่ข้างหน้า
ใครไม่รู้จักตัวเองและไม่ยอมรั
คงต้องทุกข์มาก
การรักมากเกินไป
ต้องการสิ่งที่คนอื่นให้เราไม่
สรุปได้ว่า คนเราจะอยู่ในโลกนี้อย่างผู้มี
ต้องเรียนรู้ธรรมชาติของความรัก
พิจารณาเห็นโทษของมัน ไม่มองแต่ในแง่ดีไปหมด
ควรละตัณหา ซึ่งเป็นเหตุของทุกข์
และโทษที่มาพร้อมกับความรักสามั
ควรตั้งเป้าหมายว่า ต้องการเป็นผู้ไม่มีทุกข์
ไม่สร้างทุกข์ เพราะความรัก
ควรชำระความรักให้มีคุณสมบัติ
การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง จึงเป็นทางเผชิญหน้ากับความจริง
เห็นความจริงแล้ว ตัณหาก็ลดลงหรือดับไป
ความรักที่มีอวิชชาและตัณหาเป็
ส่วนความรักที่ตั้งไว้บนฐานแห่
และความอยากฝ่ายดี "ย่อมทนต่อการพิสูจน์"
ในกรณีของความรัก
คุณธรรมที่เด่นที่สุ
คือ เมตตา และความพยายามเป็นเพื่อนที่ดี (กัลยาณมิตร)
เอกลักษณ์ของความรักที่บริสุทธิ
- ไม่มีเงื่อนไข
- ไม่มีขอบเขต เป็นความหวังดีต่อสัตว์ทั้
- ไม่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์
- มีปัญญาและอุเบกขา คอยกำกับ
เมตตา คือความรักที่บริสุทธิ์
เพราะปลอดจากอัตตา
ผู้มีเมตตาไม่ต้องการอะไร นอกจากความสุขของชีวิตอื่น
เมตตา คือ ความรักที่ล้นออกมาจากจิตที่เต็
ไม่ใช่ความฟุ้งซ่านของจิตที่
เมตตา ไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ เลย
แม้แต่ความรักหรือ ความเข้าใจ..
ความรัก ที่เกิดจากอวิชชา และประกอบด้วยกิเลส
มักนำไปสู่ชีวิต หวาน เปรี้ยว มีความทุกข์
และความสุขคละกันอยู่ตลอด
ส่วนเมตตา เกิดจากการปล่อยวางความเป็นห่
และการเพียรละกิเลส
เพราะฉะนั้น เมตตาจึงเป็นส่วนหนึ่งของมรรค
และเป็นคุณธรรมประจำจิ
ในชีวิตประจำวันเราจึงควรรับรู้ แล้วละทิ้งความหึงหวง
ความอิจฉาพยาบาท และกิเลสอื่น ๆ ที่ทำให้ความรักเป็นภาระหนัก
–
...ดอกไม้ธรรม นำใจ ในวันแต่ง
สัตย์ซื่อแสดง "หนึ่งเดียว" มิเหหัน
รักร้อยรัก สลัก"เรา" เนาวารวัน
รักแบ่งปัน ธารระรื่น ชื่นอาจิณ
...ดอกไม้บาน ผ่านไป ใกล้โรยร่วง
รักมิห่วง โหยไห้ ไม่ถวิล
ด้วยมุมั่น ธรรมนำ ห่างมลทิน
เป็นดั่งดิน อุดม สมค่าคน
^___________^