คำถามที่ชอบถาม


...............ผมเคยตั้งคำถามประเด็นการเรียนรู้ อยู่หลายๆครั้ง ว่าการที่เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมของโรงเรียน กิจกรรมที่ตนเองลงพื้นที่ชุมชน เเละกิจกรรมของน้องๆ ตลอดระยะเวลา 3 ปีมานี้ ผมได้อะไร คำตอบง่ายๆของผม คือ ได้หลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่นอกเหนือการเรียนในห้องสี่เหลี่ยม ได้เเก่ ทักษะฐานกาย ฐานใจ เเละฐานคิด ครูหลายท่าน เพื่อนหลายคน พยายามตั้งคำถามสู่ตัวผมว่า ผมได้อะไร ทำไปทำไม ผมเองรู้ดีว่าถ้อยคำเหล่านั้น เป็นถ้อยคำที่เเทนความเป็นห่วงเป็นใย นักเรียนของครู เเละเพื่อนของเขาคนนี้ เเต่ทว่าผมเองกลับมองต่างออกไปจากคติความเชื่อเดิมๆ ที่สั่งสมมาด้วยประสบการณ์ตรง ของเเต่ละคน เด็กกิจกรรม นักกิจกรรม เป็นเช่นนั้น เช่นนี้ มีน้อยคนนักที่จะเห็นด้วยเเละพร้อมสนับสนุน

...............ผมเเละคนที่พร้อมในเดินทางไปด้วยกัน มีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า "กิจกรรมสามารถเปลี่ยนแปลงคนได้" เปลี่ยนจากคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องปัญญาสิ่งเเวดล้อม ให้หันมาดูเเละรักษา จากคนที่พูดไม่ค่อยเป็นเขินอายเปลี่ยนมาเป็นคนจับไมค์ต่อหน้าผู้คน จากคนที่ทำอาหารไม่เป็นเปลี่ยนมาทำอาหารเป็น จากคนที่ไม่รู้จักความฝันของตนเองเปลี่ยนมาเป็นการเเน่วเเน่เเละมั่งคงในความฝัน จากคนที่วันๆมัวเเต่เล่นเกมส์เปลี่ยนมาเป็นคนที่หันมาใส่ใจการเตะบอลเเละคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น โจทย์คือ เเล้วการนั่งเรียนในระบบ สามารถทำเเบบนี้ได้ไหม ? เเต่ก่อน เราเคยมีกิจกรรมการเรียนการสอน เเต่ทุกๆวันนี้กิจกรรมเสริมทักษะระหว่างเเรียนเหล่านั้นถูกลบเลือนหายไปจากระบบการศึกษาทีละเล็กละน้อย จนทำให้นักเรียนเรียนเเบบดิบๆ เเต่ไม่ได้ปฏิบัติอะไรเลย จึงเป็นผลที่ว่า นักเรียนจำไม่ได้นานเพราะมีเเค่ หลักปริยัติ ขาดหลักปฏิบัติ จึงไม่สามารถนำไปสู่ปฏิเวธได้

...............กิจกรรมเเต่ก่อนข้างต้นเคยรวมกับการเรียนการสอนในเนื้อหาบทเรียน ให้ผู้เรียนปฏิบัติอย่างจริงจัง เเต่ทุกๆวันนี้ กิจกรรมกับการเรียน กลับเเยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง อาจเป็นผลมาจากระบบที่ไม่มีคุณภาพคอยกดดันครู ทำให้ ครูต้องคล้อยตามจนหลงลืมว่ายุคสมัยปลี่ยนไปตามการสอน ส่งผลทำให้นักเรียนเป็นอยู่อย่างทุกๆวันนี้ เมื่อกิจกรรมกับการเรียนในการศึกษาระบบโรงเรียนสวนทางกัน จึงเป็นรากเหง้าของคำถามที่ว่า "ทำกิจกรรมไปทำไม ทำไปเเล้วได้อะไร" เพราะผู้ที่ตั้งคำถามเเบบนี้ จะมองไม่เห็นความเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมกับการเรียนรู้

...............หากเราย้อนมองดู พรบ.การศึกษา ปี 2542 เราจะเห็นได้เลยว่า ข้อเเรกๆที่สำคัญ คือ "ให้การศึกษาเป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน" การศึกษาไม่ได้มีเพียงในตำรา หรือในห้องเรียนเท่านั้น การศึกษาที่เเท้จริงต้องเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ขณะที่โรงเรียนเป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆของห้องเรียนชีวิตเท่านั้นเอง การเรียนรู้โดยกิจกรรมจึงเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ตลอดชีวิต เช่นเดียวกับการเรียนระบบโรงเรียน การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมเป็นการเรียนที่เน้นพัฒนาตนเองให้มีความพร้อมทางด้านฐานกาย ฐานใจ เเละฐานคิด ขณะที่ระบบการสอนเเบบเดิมๆมีเเค่ฐานคิด เเต่ขาดฐานกายเเละใจ

...............คำถามข้างต้น 2 คำถาม คือ ทำไมถึงทำกิจกรรม กับทำไมถึงต้องนั่งเรียน คำตอบ เป็นเรื่องเดียวกัน คือ การพัฒนาตนเองจากการไม่รู้ไปสู่การรู้ เเต่เป็นการรู้ในแบบที่ต่างกันออกไป การเรียนกับกิจกรรมต้องบูรณาการเข้ากันอย่างเป็นรูปธรรม ครูผู้สอนควรเปิดใจ และหันเข้ามาสู่จิตวิญญาณเดิมของตนเอง อย่างเเท้จริง


หมายเลขบันทึก: 591984เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2015 19:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 กรกฎาคม 2015 19:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอขอบพระคุณ ครูเพ็ญศรี คุณทิมดาบ คุณ ส.รตนภักดิ์ เป็นอย่างสูงรับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท