วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ เป็นวันเบาๆ หลังจากสะบักสะบอมมา ๒ วัน เราไปเที่ยว British Museum (ซึ่งมีเรื่องราวน่าสนใจ ที่นี่) ที่เดียว โดยขึ้นรถใต้ดินสาย Central Line ไปจากสถานี Shepherd’s Bush Market ไปขึ้นที่สถานี Holborn แล้วเดินไป ๑๕ นาที ในอัตราเร็วของสาวน้อย ที่เดินได้ช้า ขาไม่ดี แต่ไม่ปวดเข่าเลย
พอเดินผ่านประตูเข้าไป ก็มีคนมาขาย Map ราคา ๒ ปอนด์ ผมรีบซื้อ แต่เมื่อเดินเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ ก็มี Map ฟรีให้ ที่นี่เดินเข้าชมห้องไหน มีป้ายบอกขอให้บริจาคคนละ ๕ ปอนด์ และมีกล่องบริจาควางอยู่ หากบริจาคทุกที่ที่เดินเข้าชม คงจะเสียเงินถึง ๕๐ ปอนด์
เขามีนิทรรศการพิเศษด้วย เสียค่าเข้าชมคนละ ๑๐ ปอนด์
พิพิธภัณฑ์นี้ก็เหมือนสามพิพิธภัณฑ์ที่เราไปเมื่อวาน ที่คนมาเที่ยวพลุกพล่านมาก มีนักเรียนมา เป็นคณะๆ แต่ไม่มากเท่าเมื่อวาน และเป็นนักเรียนมัธยมเท่านั้น วัยรุ่นเหล่านี้เล่นกันเอะอะ
ผู้สูงอายุก็มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์กันมาก หากสมัครเป็นสมาชิก ก็จะเข้าร่วมกิจกรรมได้มากมาย ในสังคมของเขาพิพิธภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ดี
เราเข้าชมห้อง Enlightenment เป็นห้องแรก เป็นเรื่องราวช่วงปี ค.ศ. 1680 – 1820 ที่คนเรา (หมายถึงฝรั่ง) เปลี่ยนโลกทัศน์ เกิดความสว่างทางปัญญา โดยเขาจัดแสดง ๗ ปัจจัยต่อความสว่างทางปัญญาคือ (๑) การค้าและการค้นพบ, (๒) ศาสนาและพิธีกรรม, (๓) จารึกโบราณ, (๔) จำแนกโลก (Classifying the World), (๕) ศิลปะกับอารยธรรม, (๖) กำเนิดโบราณคดี, (๗) โลกธรรมชาติ (The Natural World) ดูแล้วผมตีความว่า พิพิธภัณฑ์ทำหน้าที่ตีความความรู้ นำเสนอต่อสาธารณชนในรูปแบบที่ทำให้ผู้คนฉลาดหรือประเทืองปัญญา
พิพิธภัณฑ์ไม่ใช่แค่สถานที่เก็บรวบรวมวัตถุ แต่ทำหน้าที่ นำมาตีความ สังเคราะห์เป็นประเด็นความรู้ และจัดแสดงให้เข้าใจง่าย เพื่อประโยชน์สาธารณะ
หลังอาหารเที่ยง เราไปข้าห้อง Living and Dying จัดแสดงว่าคนในสังคมต่างๆ จัดการการมีชีวิตอยู่ และความตายอย่างไร บริษัทยามาจัดนิทรรศการ Cradle to Grave ป้ายอธิบายบอกว่าคนอังกฤษใช้ยา ๑๔,๐๐๐ ครั้งในช่วงชีวิต
แล้วไต่บันไดขึ้นชั้น ๔ ไปห้อง ๙๐ เพื่อชมนิทรรศการ Bonaparte and the British prints and propaganda in the age of Napoteon ที่เขาห้ามถ่ายภาพ เพราะเขารวบรวมภาพล้อเหล่านี้จัดพิมพ์เป็นหนังสือขาย ผมดูไม่รู้เรื่อง เพราะตาไม่ดีอ่านตัวหนังสือไม่ออก ที่ห้องอื่นๆ ผมใช้วิธีถ่ายรูปและถ่ายป้ายอธิบาย เอามาอ่านในคอมพิวเตอร์ที่โรงแรม เพื่อทำความเข้าใจ
ลงไปที่ Ground Floor เข้าห้อง 4 Ancient Egypt เพราะสาวน้อยอยากดู แน่ละ ย่อมมีโลงใส่มัมมี่ แบบอียิปต์จัดแสดง ที่น่าสนใจคือภาพวาดผู้ตายชื่อ Artemidorus บนมัมมี่สมัย ๑,๘๐๐ ปีมาแล้ว เป็นภาพสามมิติ ที่ตามองตามผู้ดู เขาศึกษามัมมี่ด้วย CAT Scan เอาภาพจาก CAT Scan มาซ้อนภาพวาดบนโลง ได้ภาพหน้าของผู้ตาย
อีกนิทรรศการหนึ่งที่น่าสนใจในห้อง Ancient Egypt คือเรื่องราวบันทึกภาพวาดจากสุสานของนักบัญชี ผู้มั่งคั่ง ชื่อ Nebamun ผู้มีชีวิตอยู่เมื่อ เกือบ ๓,๔๐๐ ปีมาแล้ว ภาพและเรื่องราวจากการขุดค้นสุสานนี้มีผู้จัดพิมพ์ เป็นหนังสือออกเผยแพร่ ดังมีบอกในเว็บที่ผมลิ้งค์ไว้ให้
เราเดินต่อไปห้องตะวันออกกลาง Ancient Levant ที่เป็นอารยธรรมเมื่อ ๑๐,๐๐๐ - ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว ถือเป็นแอ่งอารยธรรมแห่งแรกของโลก มนุษย์รวมตัวกันตั้งเมือง ไปที่ห้อง Ancient Mesopotamia ที่ขยายตัวเป็นอาณาจักร เมื่อ ๘,๐๐๐ - ๓,๕๐๐ ปีมาแล้ว
จากนั้นเราไปชมห้อง Assyrian Empire in the Ninth Century BC มีภาพสลักหิน แสดงการล่าสิงโต และพิธีกรรม
ห้องสุดท้ายที่เราเข้าชมคือห้องมหาวิหารกรีก Parthenon ซึ่งเป็นนิทรรศการ Defining beauty the body in ancient Greek Art
British Museum เปิดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1759 คือเปิดมาแล้ว ๒๕๖ ปี ผมเชื่อว่าพิพิธภัณฑ์นี้มีส่วนสร้าง ความยิ่งใหญ่ให้แก่จักรวรรดิ์อังกฤษ
วันนี้เป็นวันเบาๆ เรากลับถึงโรงแรมก่อนบ่ายสี่โมง
เราได้เที่ยวพิพิธภัณฑ์อังกฤษแล้ว ๔ แห่ง AAR ว่า เขาใช้พิพิธภัณฑ์เป็นพื้นที่สาธารณะ เพื่อการเรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ของคนในสังคม โดยทำงานร่วกับภาคีที่หลากหลาย ทั้งร่วมมือทางวิชาการ และร่วมมือโดยภาคี (มูลนิธิ) สนับสนุนการเงิน ที่ British Museum บริการ Audio Guide เก็บเงิน ๕ ปอนด์ เขาติดป้ายว่า ได้รับการสนับสนุนจาก Korean Air นิทรรศการบางอัน ระบุว่าได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ ...
วิจารณ์ พานิช
๓๐ เม.ย. ๕๗
ห้อง ๓๐๒ โรงแรม ibis London Shepherd’s Bush
ไม่มีความเห็น