ในบรรดางานทั้งหลายแหล่ของโรงเรียน ผู้บริหารส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญ
อย่างเป็นรูปธรรมกับงานอาคารสถานที่ ทั้งนี้ เพราะเป็นงานที่จับต้อง มองเห็นได้
ในทันทีทันใด ซึ่งต่างจากงานอื่น ๆ ที่อาจจะมองเห็นได้แต่ค่อนข้างจะเลือนลาง
โดยเฉพาะงานวิชาการ
ผู้บริหารที่ขาดภาวะผู้นำ และต้องการ "สร้างภาพ" ให้คนทั่วไปเห็นว่าตนเป็นคน
" มีไฟ" และกระตือรือร้นในการทำงาน ต้องลงมือ " สร้างภาพ" ด้วยตนเอง
แบกจอบ จับเสียม ลงมือถากถาง ตัดโค่น ปลูกซ่อม ด้วยตนเอง ชนิด
" แย่งหน้าที่ภารโรง" กันเลยทีเดียว
ซึ่งมักจะให้เวลามากมายกับงานเหล่านี้ เหตุที่ต้องลงมือทำเองก็เพราะ ขาดความเป็น
นักบริหาร ไม่ชอบปรึกษาหารือใคร ด้วยเกรงว่าจะไม่มีใครเห็นด้วย หรือถ้าเห็นด้วย
ก็จะต้องมีข้อเสนอแนะแปลกแยกออกไปจากที่ตนคิดไว้ ดังนั้นจึงมักเห็นผู้บริหาร
ประเภทนี้ " สร้างภาพ " อาคารสถานที่ให้ส่วยงามอยู่เสมอเนื่องจากมองเห็นได้แต่ไกล
ผู้บริหารประเภทสร้างภาพ (บางคน) ที่เปลี่ยนโรงเรียนใหม่บางคนได้ไปอยู่โรงเรียน
ที่มีสภาพแวดล้อมสวยงาม
ร่มรื่นดีอยู่แล้ว ครั้นจะคงสภาพไว้ ก็คงเกรงจะไม่มีผลงานเชิงประจักษ์ ก็อุตส่าห์ "
ขุดราก กระชากโคน" ต้นไม้
ที่มีอยู่แล้วทิ้งไป หามาปลููกใหม่ เพราะคิดว่า " มาอยู่ใหม่ ก็ต้องสร้างใหม่ "
( ซึ่งอาจจะแย่กว่าเก่า)
ผู้บริหารที่ขาดความเป็นผู้นำ ขาดความรู้ ไร้ความสามารถ ในการเป็นผู้บริหาร มักจะยึด
งานอาคารสถานที่เป็นที่ตั้ง " เช้า ๆ ลากสายยาง สาย ๆ แบกจอบ ตอนเพล แบกมีด "
ตระเวนอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ โดยเฉพาะ " บริเวณหน้าโรงเรียน" เพื่อจะให้ผู้คนที่ผ่านไปมา
ได้เห็นว่า " ผมขยัน ทำงานนะครับ" ..... วันทั้งวันแทบจะไม่ได้แตะต้องงานเอกสารเลย
แฟ้มเสนอเซ็นงานกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ ฝุ่นเกาะแล้วเกาะอีก วันทั้งวันจะเปิดดูว่ามีงาน
อะไร ด่วนหรือไม่ ก็แทบไม่มี
กรณีศึกษา : คุณครูท่านหนึ่งเดินหาผู้บริหาร เพื่อที่จะขออนุญาตไปซื้อของให้นักเรียน
เดินหาจนทั่วโรงเรียนก็ไม่พบ จึงเดินไปดูข้างกำแพงด้านหน้าโรงเรียนซึ่ีงติดกับถนน
ก็พบผู้บริหารกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ถอนหญ้า พรวนดินโคนต้นไม้ที่ปลูกไว้อยู่ข้างกำแพง
โรงเรียน
ครู....." ตามหาทั่วเลย ผอ.อยู่ตรงนี้เอง"
ผอ. ...." ต้องอยู่ตรงนี้สิ...คนเห็นเยอะดี"
ครู.....!!??
อีกหนึี่่งกรณีศึกษา......ผอ.โรงเรียนเดินหน้าตาตื่นมาจากหน้าโรงเรียน เข้าพูดกับครู
ที่นั่งคุยกันอยู่ หลังเลิกเรียนในเย็นวันหนึ่ง
ผอ. ...... " ต้องปลูกอีก มีคนชมว่าดี ต้องปลูกอีก"
ครู ......มองหน้ากันไปมา แล้วก็พยักหน้า เชิงว่า " เดาออก"
ทั้งสองกรณีศึกษา เป็นตัวอย่างของผู้บริหารที่ " สร้างภาพ " ให้กับตนเองอย่าง
" ตลกมาก ๆ " ดูเหมือนกับว่า " รักต้นไม้" และขยันขันแข็งในการทำงาน
แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่า รัก และ ขยัน ด้วยเหตุผลใด
มิตรรักแฟนเฟลงอ่านแล้วก็คิดเอาเองนะจ๊ะ
งานอาคาร สถานที่ มีสัสัน
ต้องช่วยกัน ทุกฝ่าย ให้ความเห็น
ผู้บริหาร ช่วยเสริมต่อ พอจำเป็น
มิใช่เล่น แย่งงาน ของ....ภารโรง
ติดตามอ่านตอนต่อไปจ้าา
ยินดีกับครูด้วยนะครับ
ความคิด --การกระทำมักไปคู่กันเสมอ
อ่านแล้ว..ตื่นเต้นดี..ครับ
สมัยผมเป็น ศน. มีความสุขได้ทำงานวิชาการและทำงานสำนักงาาน สะดวกสบาย และพัฒนาอะไรก็ได้อย่างใจ...
พอไปนิเทศโรงเรียน..แบบกัลยาณมิตร..คือ เราอายุน้อย ซีต่ำๆ..ไปเจอ ผู้บริหารโรงเรียนกร่าง ซีสูง...แถม โง่ แล้วยังอวดฉลาด..ตั้งแต่นั้นมา ผมก็เริ่มมีแนวคิดสอบเป็นผู้บริหาร และคิดว่าผมจะไม่ปฏิบัติตัวแบบนั้น..และผมก็พอทำได้บ้าง อย่างน้อย ช่วยสอนได้ และไม่เอาเปรียบครู..เป็นที่ปรึกษากับครูได้
ครับ..เข้าใจได้ครับ ว่ามีเยอะมาก... ที่ สพฐ.เอาควาย มาเป็นผู้บริหารโรงเรียน การศึกษามันถึงไปไม่ถึงไหน....เสียที
สวัสดีค่ะคุณมะเดื่อ
หวัดดีจ้ะคุณแสง ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้ะ
หวัดดีท่าน ผอ.คนเก่ง ในความเป็นนักบริหารมืออาชีพอย่างท่าน
ก็ยังมี " นักบริหาย (ยะนะ)
แอบแฝงอยู่อีกมากมาย โดยเฉพาะหลบซุมอยู่ตามซอกหลีบของเสาโรงเรียน
นอกจากทำงานไม่เป็นแล้ว ยัง " กัดแทะ" เสาโรงเรียนไปทุกวัน
เปลืองทั้งงบประมาณ และผลาญทั้งอนาคตของชาติ
ความพินาศทางการศึกษา าจึงเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าไงล่ะท่าน
ขอเป็นแรงใจหนุนนำให้ท่านเดินหน้าต่อไป เพื่อเป็นตัวอย่าง
(ให้พวกเหลือบการศึกษา) กับผู้บริหารทั่วไปได้ดูนะ
สวัสดีจ้ะคุณมนัสดา ใช่จ้ะ เมืองไทยจึงเดินหน้า ถอยหลังอยู่อย่างนี้ไงจ๊ะ
พัฒนาอาคารสถานที่เห็นง่ายจริง สวยงาม น่าอยู่ เป็นสิ่งแวดล้อมภายนอก
บรรยากาศการทำงานเป็นสิ่งแวดล้อมภายในที่สร้างคุณค่าต่องานมากกว่า ผู้บริหารน่าจะมีบทบาทสำคัญตรงนี้ไปด้วยกัน
อ่านบันทึกนี้แล้วก็ตกใจนะคะครู
หวัดดีจ้ะพี่นุ้ย มันขึ้นอยู่ที่วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ที่จะมองว่าอะไรควรทำก่อน ทำทีหลัง หรือทำไปพร้อม ๆ กัน ผู้นำที่ดีจะต้องพิจารณาหาเหตุผล อาศัยความเห็นส่วนรวมเป็นที่ตั้ง แล้วตัดสินใจ จากการวิเคราะห์ด้วยเหตุและผลอย่างดีแล้วจ้ะพี่นุ้ย ขอบคุณที่มาให้กำลังใจจ้ะ