โครงสร้างระบบเศรษฐกิจ
ซึ่งเป็นเรื่องของการปรับตัวด
้านปัจจัยการผลิตต่างๆ ได้แก่ แรงงาน ทรัพยากร
หรือทุนหรือที่เรียกกันว่าด้านอุปทาน (
supply side)
ทั้งนี้ หากมองไปในอนาคตข้อจำกัดทางด้านอุปทาน (supply
constraints)
จะมีมากขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็น
ด้านประชากร
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมวัยชราอย่างรวดเร็ว โดยได้เริ่มผ่านจุดที่ประชากรวัยแรงงานมีจำนวนมากที่สุดใน ประวัติศาสตร์ก่อนที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกำลังจะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 นอกจากนี้อีก เพียงประมาณ 10 ปี นับจากการเปิดการค้าเสรีในอาเซียน ประชากรของไทยจะเริ่มลดลงเป็นประเทศแรกในกลุ่มอาเซียน
ด้านทรัพยากร โดยเฉพาะแหล่งพลังงาน ประเทศไทยมีค่อนข้างจำกัด
ยิ่งเมื่อเทียบกับประเทศ
เพื่อนบ้าน
จะเห็นว่า ประเทศไทยมีแหล่งพลังงานที่น้อยกว่ามาก
ด้านการสะสมทุนของประเทศ ก็ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งรวมถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยีต่างๆ ของไทย ที่จะ ช่วยยกระดับผลิตภาพของการผลิต (productivity) ก็ไม่มีการพัฒนาเท่าที่ควร
ด้านการเมือง ถ้าการเมืองยังไม่สงบไม่นิ่งซักที่ก็ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมาก การเมืองไม่สงบก็ไม่ค่อยเกิดการลงทุนไม่ค่อยมีใครอยากจะลงทุนทั้งนััน
ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะใช้ประโยชน์จากต้นทุนแรงงานราคาถูก
ทรัพยากรและปัจจัยทุนเดิมๆ เพื่อการขยายตัวอย่างในอดีตที่ผ่านมาคงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
เพราะถ้าประเทศไทยยังจะใช้แนวทางการพัฒนาในรูปแบบเดิมๆ คงจะเห็นการขยายตัวของ
GDP เฉลี่ยประมาณร้อยละ 3 ไปอีกใน 10 ปี ข้างหน้า เทียบกับประเทศในภูมิภาคด้วยกันแล้ว ก็คงเรียกได้ว่า
ประเทศไทยจะโตแบบตกรถไฟ ในขณะเดียวกัน หากพิจารณาไปพร้อมกับการที่ประเทศไทย กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีกไม่นาน
ก็อาจพูดง่ายๆ ได้ว่า เป็นประเทศที่จะแก่ก่อนรวย เพราะยังไม่ทันที่ประเทศไทยจะ ก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง
ก็กลายเป็นประเทศที่ประชากรเข้าสู่สังคมวัยชราแล้ว ยังไม่รวมถึงการที่ประเทศยังไม่ได้
เตรียมการออมเพื่อชราภาพที่เพียงพอและทั่วถึงอย่างเป็นระบบ ซึ่งต่อไปจะทำให้เกิดปัญหา
จนตอนแก่อีกด้วย อย่างไรก็ดี หากประเทศไทยปรับกลยุทธ์การพัฒนาให้เหมาะสม ภายใต้ข้อจำกัดเหล่านี้
โดยการปฏิรูปและปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจให้อิงการเติบโตที่มาจากการเพิ่ม
productivity
ควบคู่กับการพัฒนาอย่างทั่วถึง GDP อาจสามารถกลับมาโตได้เฉลี่ยร้อยละ
5 ต่อปี ในอีก 10 ปีข้างหน้า
ไม่มีความเห็น