บทเรียนชีวิต
.........เสียงคลื่นซัดกระทบฝั่งเป็นระลอก
คล้ายจะบอกเตรียมพร้อมรับความเหงา
ระโหยแรงอ่อนล้าหน้าซึมเซา
เหมือนมีเงาม่านหมอกมาบดบัง
.........ใคร่ครวญหาสาเหตุคิดไตร่ตรอง
เพ่งเหม่อมองคลองธาราค่อยไหลหลั่ง
เกิดรู้สึกสดชื่นมีพลัง
ชีวิตยังมีหวังยืนหยัดสู้
........ทุกปัญหาอุปสรรคคือบทเรียน
สร้างจุดเปลี่ยนเกิดแนวคิดจิตใฝ่รู้
ความผิดพลาดพลั้งเผลอถือเป็นครู
นำมาสู่ประสบการณ์ชี้ทางเดิน
.........ต้องเข้มแข็งปลุกจิตจนแกร่งกล้า
เพิ่มปัญญาเติมความกล้าท้าเผชิญ
สติมีชี้ทางสร้างเจริญ
ให้สรรเสริญคนแพ้พ่ายสู่เส้นชัย
.........บทกวีนี้ เกิดจากการที่ผู้เขียนได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนเก่าในสมัยวัยเด็ก ครั้นมาพบเจอกันในวัยใกล้เกษียณได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์รวมทั้งเล่าสารทุกข์สุกดิบสู่กันฟัง ตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งศตวรรษทุกคนต่างพบปัญหา อุปสรรคมากมาย แต่ก็ผ่านพ้นมากันได้ บางคนเคยท้อแท้หมดอาลัยแต่ด้วยแรงใจรอบๆข้างทำให้ลุกเผชิญและผ่านพ้นไปได้ในที่สุด ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ
.........หลายคนบอกว่า ปัญหา อุปสรรค ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่นั่นคือ "บทเรียน บททดสอบ ความแข็งแกร่ง ความเข้มแข็งอดทนของตัวเรา"และ "ความผิดพลาดความล้มเหลวถือเป็นครู" หากเราคิดจะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่สิ่งที่ดีกว่า จงนำเอาบทเรียนชีวิตนี้มาเรียนรู้ศึกษาหาแนวทางแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
.........ความคิดเห็นโดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนเชื่อว่า ระหว่าง"มีสติ" กับ "มีปัญญา" นั้น "มีสติย่อมเหนือกว่ามีปัญญา"เป็นแน่แท้ คนเราแม้จะมีปัญญาเก่งกล้า
ระดับไหนหากขาดสติเมื่อไรก็แก้ไขปัญญาสถานการณ์ไปไม่ได้ หากแต่เราไม่มีปัญญาหรือมีน้อยแต่ทว่าเรายังสติก็เชื่อว่าจะสามารถประคับประคองตัวเองรอดปลอดภัยได้
ถ้าจะให้ดีที่สุดควรมีทั้งสองอย่างมีทั้งสติ และ มีปัญญา ชีวิตเราก็จะสมบูรณ์ที่สุด
.........เหนือสิ่งอื่นใด...อยู่ที่ตัวเรา
.........ว่าคุณพร้อมหรือยัง...
(อร วรรณดา บันทึก ๑๑ มี.ค.๕๘)
ขอบคุณค่ะ คุณเพชรน้ำหนึ่ง
"สติ + ปัญญา" ดีที่สุดค่ะ