การอบรมแบบสมรรถนะ ถาม-ตอบ
ถาม : ทำไมประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการฝึกอบรมใหม่
ตอบ : จากประสบการณ์ 25 ปี ในการฝึกอบรมทั้งในการทำงานกับหน่วยราชการและเป็นผู้บริหารศูนย์ฝึกอบรม ของภาคเอกชน ทำให้ได้มีโอกาสเกี่ยวข้องกับทุกกระบวนการของการฝึกอบรม ตั้งแต่การจัดทำโครงการ ออกแบบหลักสูตร บริหารงบประมาณ การสอน การประเมินผล จนถึงการประเมินผลสำเร็จโครงการ ผมพบว่าการฝึกอบรมมีผลสำเร็จออกมาน้อยมาก ความสำเร็จในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความพึงพอใจที่ผู้เข้ารับการสอนได้รับเมื่อการอบรมสิ้นสุด แต่ความสำเร็จของผมหมายถึง การที่ผู้ผ่านการอบรมนำเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปทำงานได้จริง เป็นการนำความรู้เอาไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้หน่วยงาน เพิ่มผลผลิต ลดการสูญเสีย สร้างกำไรหรือผลประโยชน์ให้หน่วยงาน แต่ความสำเร็จที่ผมคาดหวังนี้เกิดขึ้นน้อยมากเมื่อได้ติดตามผลหลังฝึกอบรมเสร็จ จนกระทั่งมาเรียนรู้ การฝึกอบรมแบบสมรรถนะ
ถาม :การฝึกอบรมของเราส่วนใหญ่ มีข้อด้อยอย่างไรบ้าง
ตอบ : ส่วนใหญ่การฝึกอบรมในประเทศไทย ยังมีลักษณะที่ให้ความสำคัญกับผู้สอนมากไป การสอนขึ้นอยู่กับผู้สอนว่าจะกำหนดหัวข้ออย่างไร กำหนดวิธีการสอนเอง และมักจะเป็นหลักสูตรที่ สอนให้รู้ มากกว่าสอนให้ทำได้ ส่วนใหญ่ของหลักสูตรที่สอนจึงมักสอนในสิ่งที่ผู้สอน"อยากให้รู้" และไม่ให้ความสนใจกับการประเมินผลหลังผ่านการอบรมว่า ผู้เรียนเอาไปใช้ประโยชน์มากน้อยเพียงใด (เรียกว่าสนใจแต่ด้าน Supply Side มากกว่าด้าน Demand Side)
นอกจากนี้วิทยากรมักจะใส่เนื้อหาเข้าไปจำนวนมากในการสอน เช่นการสอนเรื่อง พัฒนาหัวหน้างาน มีหัวข้อย่อยที่ต้องสอนใน 6 ชั่วโมง ตั้ง 6-7 เรื่อง ตั้งแต่บทบาทหัวหน้างานยุคใหม่ จิตสำนึกของหัวหน้างาน ภาวะผู้นำ การสื่อสาร การสั่งงาน การบังคับบัญชา ฯลฯ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสอนให้ได้ดีทุกเรื่องในเวลาอันสั้น
ถาม : การอบรมแบบสมรรถนะ ดีอย่างไร
ตอบ : การอบรมแบบสมรรถนะ (Competency Based Training) มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการอบรมให้สูงขึ้นเพื่อให้ผู้ผ่านการอบรมสามารถทำงานได้ หรือมีสมรรถนะในการทำงานนั้นๆ โดยได้รับอิทธิพลแนวคิดมาจากกระแส Competency ที่มาแรงในทศวรรษที่ 80 โดยหลักการเบื้องต้นของการสอนแบบสมรรถนะ มีดังนี้
1. เป็นการสอนให้ผู้เข้ารับการอบรมทำได้ตามมาตรฐาน(Competency)ที่กำหนดไว้ในแต่ละงาน
2. ผู้สอนจัดทำหลักสูตรตามมาตรฐานที่ฝ่ายผู้ประกอบการ หรือสมาคมอาชีพเป็นผู้กำหนด
3. หลักสูตรถูกแบ่งออกเป็น Module สั้นๆ ที่จบในตัวเองและประเมินได้ทันที
4. ให้ความสำคัญกับการประเมินสมรรถนะผู้เรียนเมื่อผ่านการอบรมไปแล้ว
5. การประเมินไม่เน้นว่า ได้หรือตก แต่ประเมินว่าผ่าน/ไม่ผ่าน สิ่งที่ไม่ผ่านกลับมาขอประเมินได้ภายหลัง (เฉพาะที่ไม่ผ่าน)
6. รูปแบบการสอนจะไม่เน้นการบรรยาย การให้ทฤษฏี แต่เน้นการบรรยายประกอบกับกิจกรรมต่างๆ และมีการประเมินผู้เรียนตลอดเวลา
ถาม :การอบรมแบบสมรรถนะ สามารถใช้ได้กับทุกสาขาอาชีพไหม
ตอบ: ในยุคแรก ประเทศอังกฤษ นิยมเอาการสอนแบบนี้มาใช้กับการสอนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะ (Skill) เช่น พนักงานบริการในโรงแรม คนงานควบคุมเครื่องจักร ผู้ช่วยทันตแพทย์ พนักงานขายปลีก เป็นต้น ต่อมาได้มีการพัฒนาการสอนมาใช้กับหลักสูตรทางด้านการบริหารด้วย หัวหน้างาน ผู้จัดการ (เช่น หลักสูตร ภาวะผู้นำ การจัดทำงบประมาณ การบริหารสินทรัพย์ขององค์กร การสอนงาน เป็นต้น)
ถาม : ประโยชน์ที่จะได้จากการอบรมแบบสมรรถนะ คืออะไร
ตอบ : การอบรมแบบสมรรถนะ มีปรัชญาสำคัญคือการอบรมที่เน้น Output หรือการอบรมที่ต้องได้ผลลัพท์ ไม่ใช่ได้แค่การอบรมเท่านั้น ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้กับหน่วยงาน มีดังนี้
1. ผู้ผ่านการอบรมมีสมรรถนะสามารถทำงานได้จริง
2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้องค์กร
3. ลดความสูญเสียที่เกิดจากการทำงานผิดพลาด
4. ประหยัดงบประมาณในการอบรมเมื่อไม่ต้องเสียกับการอบรมที่ไม่มีคุณภาพ
5. พนักงานมีความพีงพอใจเนื่องจากสามรถทำงานได้จริง ไม่ถูกตำหนิจากหัวหน้างาน
ถาม : ขอให้ยกตัวอย่าง ความแตกต่างหลักสูตรแบบเดิม กับ หลักสูตรแบบสมรรถนะ
ตอบ : ตัวอย่างเช่น หลักสูตรแบบเดิม Managerial Skills For Manager (6 ชม.)
1.ทักษะด้านการวางแผนงานและการบริหารเวลา
- แผนสามระดับกับผู้บริหาร
- ทำหนึ่งวันให้มากกว่า 24 ชั่วโมง :เทคนิคที่ผู้จัดการต้องรู้
- กฏเกณฑ์สู่ความสำเร็จในการบริหารเวลา
2.ทักษะด้านการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ
- แก้ปัญหาและตัดสินใจอย่างมืออาชีพ
- รับมือและแก้ปัญหาด้วยการมองแง่ดี
3.ทักษะด้านการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพงาน
- แนวคิดเกี่ยวกับการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
- แนวคิดเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพงาน
- ECRS เครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพงาน
ตัวอย่างหลักสูตรแบบสมรรถนะ การบริหารเวลา (6 ชม.)
ตอบ : เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษและออสเตรเลีย เคยมาให้คำปรึกษากับสมาคมอาชีพค้าปลีกและสมาคมอื่น เรื่องการจัดทำมาตรฐานอาชีพ และการจัดอบรมตามแนวทางนี้ ในสาขาอาชีพต่างๆ เช่น พนักงานขายปลีก สาขาอิเลกโทรนิคส์ สาขายานยนต์ สาขาแม่พิมพ์ ปัจจุบันยังพัฒนาในอีกหลายสาขาได้แก่ สาขาไอซีที สาขาบริการยานยนต์ สาขาข่างผม สาขาช่างดอกไม้ สาขาออกแบบแฟชั่น เป็นต้น
การอบรมแบบสมรรถนะ ถาม-ตอบ
ดูเพิ่มเติมที่ ww.CBTthailand.com
ไม่มีความเห็น