หากโกรธง่ายต้องหายเร็วถ้าใจร้อนต้องผ่อนเป็น


ถ้าคนเราเข้าใจธรรมชาติ จิตใจ.... ของตนเองว่าชอบเผลอไปยินดี ยินร้าย เข้าข้างตนเอง.... ลืมคิดถึงผลกระทบ การกระทำทุกอย่าง ล้วนเกิดจากหตุผล รองรับ.... ที่มับจะคิดเข้าข้างตนเองเสมอ.... เหมือนว่า รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง....

หากโกรธง่ายต้องหายเร็วถ้าใจร้อนต้องผ่อนเป็น

3 กันยายน 2013 เวลา 9:26 น. แก้ไขครั้งที่ 1 วันที่ 17 ก.พ. 2015

....หากโกรธง่ายต้องหายเร็ว .....ถ้าใจร้อนต้องผ่อนเป็น....

แต่ถ้าใจเย็น... ใจจะสบาย....

.......แล้วกายที่แสนปวดร้าว ตามสภาพพยาธิ ก็เห็นจะมีเรี่ยวมีแรงขึ้น.... สดชื่นขึ้นกว่าเดิม

.....ให้หมั่นรักษาใจแบบนี้.. รักษาใจให้เย็น... เพราะความร่มเย็นทำให้เป็นสุข ....

ความรู้สึกเจ็บปวดกายก็ดูเมือนจะทุเลาลงได้ ....ซึ่งจริงแล้วไม่ได้ทุเลาลง......

เพียงแต่ ไม่ใส่ใจไปนึกถึงความเจ็บปวดนั้น แกล้งไปนึกเรื่องอื่นๆแทน ..

หรือจะแกล้งเอาเล็กจิกบนมือตัวเอง..ให้ใจมาเจ็บตรงอื่นแทน...

....

ถ้าปฏิบัติมากๆ ใจจะไม่ไปนึกถึงความรู้สึกเจ็บปวดเหลืออยู่เรย....

เรียกว่า ...สามารถกำหนดอาปาณาณสติได้.... คือ มีสติกำหนดรู้แล้ววางเป็น...

นั่นคือการเบี่ยงเบนความสนใจ...ก็เปรียบได้....ซึ่งแพทย์หรือพ่อแม่ก็ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจนี้กับเด็กเล็กๆเช่นกัน

เหมือนเวลาเราถูกหมอฉีดยา ....เราเอาเล็บเราหยิกมือตัวเอง ....

พอใจรู้สึกที่มือว่าเจ็บกว่า... ความรู้สึกเจ็บแผลที่ฉีดยา....

นั่นหายไปเสียอย่างนั้น...

...

ทราบแล้วก็ให้..... ลองฝึกกำหนดตามถนัดดูนะครับ....โสตถิทัศน์2556

...

......รู้ตน รู้อารมณ์ รีบข่มใจ....

ถ้าคนเราเข้าใจธรรมชาติ จิตใจ....

ของตนเองว่าชอบเผลอไปยินดี ยินร้าย เข้าข้างตนเอง....

ลืมคิดถึงผลกระทบ การกระทำทุกอย่าง ล้วนเกิดจากหตุผล รองรับ....

ที่มับจะคิดเข้าข้างตนเองเสมอ....

เหมือนว่า รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง....

แต่พอใจเย็นลงนั่งนึกๆไปๆมาๆ เราก็มีส่วนทำเหตุให้เกิดนั่นเอง....

เรียกว่า อิทิปปัจจยา.....

..........

........ เมื่อมีสิ่งนี้ย่อมเกิดสิ่งนั้น....... เมื่อมีผลย่อมมีเหตุ.....

ถ้าเหตุเกิดจากกรรมดี วิธีคิดดี......

ก็อย่าไปยึดติดตัวเราของเรา....

ให้ลดตัวเองลงมา... แล้วให้รีบ เอาเมตตาเป็นที่ตั้ง.....

ลดความเป็นตัวตน ลดความแข็งกร้าว......

....ไม่ใช่...เรา....จะ...อ่อนแอ...แต่ให้เรา.....อ่อนโยน....

..........

.........กล้าสารภาพบาปกับตัว..........

เราพลาดนะ เรามีส่วนผิดนะ เราไม่ได้ตั้งใจนะ

แล้วกล้าขอโทษ ไม่ว่าใครผิดใครถูกไม่สำคัญ

พอขอโทษปุ้ป ทั้งๆที่ยังไม่รุ้ว่าเขาจะหายโกรธไหม เท่านั้น ใจสบายทันที

อย่างน้อยเราก็ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุด ในบรรยากาศมาคุให้คลายลงได้ ในใจเรา

.....ผู้รับการเมตตาใจก็.....อ่อนโยน...ลง....มิใช่...อ่อนแอ ......

.........

..........แต่มนุษย์พร้อมที่จะให้อภัยผู้ที่เมตตาเรา ........

ผู้โกรธใจก็สบายทันทีที่ยกโทษ ความกรุณาก็เพิ่มขึ้นในใจ

ทีนี้หละจะเห็นอกเห็นใจกันมากกว่าเมื่อก่อนนี้ ด้วยซ้ำไป

ความเป็นมิตรที่ดีมีน้ำใจ อะไรก็ห้ามไม่ได้ มีทั้งพลังและความกรุณา ...

...........

..............อันความดีจะเกิดได้ใจต้องกรุณา.........

ความโกรธคือสิ่งที่ใจปรุงแต่งขึ้นมาทั้งนั้น

ไม่มีใครถือสาโกรธกันได้ทุกเวลาหรอก

มันต้องเห็นความดีของกันและกันบ้าง....

.......

.....เพียงแต่ได้นำมาคิดไตร่ตรองอย่างเป็นเหตุเป็นผล.... ถ้วนถี่เพียงพอแล้วหรือยัง.....

...อันตน...เตือนตนให้พ้นผิด.....

ตนเตือนจิตตนได้...ใครจะเหมือน ....

ตนเตือนตน..ไม่ได้....ใครจะเตือน....

อย่าแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย..(รู้เท่าทันทุกข์).....


ว่าที่ร้อยตรีโสตถิทัศน์2556....

หมายเลขบันทึก: 586264เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2015 04:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2015 04:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท