การสอบข้อเขียนความรู้ชั้นเนติบัณฑิต วิชากฎหมายอาญา (ข้อที่ 4) สมัยที่ 61-65


คำถาม 10 ข้อ ให้เวลาตอบ 4 ชั่วโมง (14.00 น. ถึง 18.00 น.) ให้ยกเหตุผลประกอบ

สมัยที่ 61 ปีการศึกษา 2551

ข้อ 4. นายดำได้ไปแจ้งความต่อนายดีกำนันตำบลสระเยาว์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ให้จดข้อความลงในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17 ว่า (1) นางสวยเจ้าบ้านมอบให้นายดำแจ้งย้ายเด็กชายขิงและเด็กชายข่าออกจากบ้านเลขที่ 111 หมู่ที่ 6 ตำบลสระเยาว์ จังหวัดศรีสะเกษ ไปอยู่บ้านเลขที่ 222 ตำบลในเมืองจังหวัดนครพนม(2) ความจริงแล้วนางสวยมิได้มอบหมายให้นายดำกระทำการดังกล่าว (3) นายดีรับแจ้งไว้โดยใช้ให้นายดำจดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าวลงไปในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17 (4) โดยนายดีลงชื่อในฐานะนายทะเบียนผู้รับการแจ้งย้าย

ให้วินิจฉัยว่า นายดำมีความผิดฐานใดหรือไม่

จากโจทย์ วินิจฉัยกรณี (1) ปลอมเอกสาร (2) ใช้เอกสารปลอม

ประเด็นที่ต้องตอบ (1) นายดำ มีความผิดฐานใดหรือไม่

หลักกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และ 267

มาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 267 ผู้ใดแจ้งให้เจ้าพนักงาน ผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คำตอบ ข้อเท็จจริงตามปัญหา แยกพิจารณาได้ดังนี้

ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17 เป็นเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานเมื่อนายดีเป็นนายทะเบียนมีหน้าที่รับแจ้งการย้ายที่อยู่และได้ลงชื่อเป็นผู้รับแจ้งข้อความตามที่ปรากฏในเอกสารใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17 ซึ่งเป็นข้อความเท็จตามที่นายดำมาแจ้งแล้ว โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน การกระทำของนายดำย่อมเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267

การที่นายดีจะใช้ให้บุคคลใดเป็นผู้เขียนหรือจดข้อความลงในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17 แทนนายดี หาใช่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้การกระทำของนายดำไม่เป็นความผิดตามมาตรา 267 แต่อย่างใด (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 2918/2535) และการกระทำของนายดำเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 137 ด้วย

ด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น นายดำมีความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จและฐานการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

สมัยที่ 62 ปีการศึกษา 2552

ข้อ 4. นายชัยมีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสองคัน คือ หมายเลขทะเบียน กข-11 นนทบุรี และหมายเลขทะเบียนกข-55 นนทบุรี (1) ต่อมารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-55 นนทบุรี ครบกำหนดต่อทะเบียนประจำปี นายชัยจึงนำแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ. 2551 คันหมายเลขทะเบียน กข-11 นนทบุรี ซึ่งยังไม่ครบกำหนดเสียภาษีที่เจ้าพนักงานขนส่งจังหวัดนนทบุรี ออกให้ มาถ่ายเอกสารเป็นภาพสีให้ปรากฏข้อความที่มีสี ตัวอักษรและขนาดเหมือนต้นฉบับที่แท้จริง (2) แล้วนำไปติดที่กระจกหน้ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-55 นนทบุรี (3) วันเกิดเหตุนายชัยได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-55 นนทบุรี มาถึงด่านจุดตรวจ (4) ดาบตำรวจ ชาญ เรียกให้หยุดรถและตรวจพบสำเนาแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ที่ได้จากการถ่ายเอกสารดังกล่าวติดที่กระจกหน้ารถยนต์นั้น (5) นอกจากนี้ดาบตำรวจ ชาญ ยังได้ตรวจพบว่านายชัยมีสำเนาธนบัตรที่นายชัยทำขึ้นหนึ่งฉบับโดยการถ่ายธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ของจริงลงในกระดาษธรรมดา สีสันในสำเนาธนบัตรเป็นสีขาวดำ ขนาดกระดาษเท่าของจริง

ให้วินิจฉัยว่า นายชัยมีความผิดฐานใด หรือไม่

จากโจทย์ วินิจฉัยกรณี (1) เอกสารราชการ (2) ปลอมธนบัตร (3) ปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ (4) ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิด

ประเด็นที่ต้องตอบ (1) นายดำ มีความผิดฐานใดหรือไม่

หลักกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (8) ,249,265 และ 268

มาตรา 1 ในประมวลกฎหมายนี้ (8) "เอกสารราชการ" หมายความว่า เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ และให้หมายความรวมถึงสำเนาเอกสารนั้น ๆที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ด้วย

มาตรา 249 ผู้ใดทำบัตรหรือโลหธาตุอย่างใด ๆ ให้มีลักษณะและขนาดคล้ายคลึงกับเงินตรา ไม่ว่าจะเป็นเหรียญกระษาปณ์ ธนบัตร หรือสิ่งใด ๆ ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือพันธนบัตรรัฐบาล หรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ๆ หรือจำหน่ายบัตรหรือโลหธาตุเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการจำหน่ายบัตร หรือโลหธาตุดังกล่าวในวรรคแรก เป็นการจำหน่ายโดยการนำออกใช้ดังเช่นสิ่งใด ๆ ที่กล่าวในวรรคแรก ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 265 ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา 268 ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ

ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเอง ให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว

คำตอบ ข้อเท็จจริงตามปัญหา แยกพิจารณาได้ดังนี้

นายชัยนำแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ.2551 ของรถยนต์หมายเลขทะเบียน กข-11 นนทบุรีซึ่งยังไม่ครบกำหนดเสียภาษีที่เจ้าพนักงานขนส่งออกให้มาถ่ายเอกสารเป็นภาพสีปรากฏข้อความที่มีสี ตัวอักษรและขนาดเหมือนต้นฉบับที่แท้จริง แล้วนำไปติดที่กระจกหน้ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-55 นนทบุรี แม้จะไม่มีการแก้ไขข้อความใดๆ แต่ก็มีลักษณะที่ทำให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงเพื่อแสดงว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียนกข-55 นนทบุรี เสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ. 2551 แล้ว โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดนนทบุรีหรือผู้อื่นได้ การกระทำของนายชัยจึงเป็นการปลอมเอกสารขึ้นทั้งฉบับ หาใช่ว่านายชัยจะต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความให้ผิดแผกแตกต่างไปจากต้นฉบับเอกสารที่แท้จริงไม่ และแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีพ.ศ. 2551 เป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นในหน้าที่อันเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (8) ดังนั้น การกระทำของนายชัยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265

การที่นายชัยนำเอกสารราชการปลอมดังกล่าวไปติดที่กระจกหน้ารถยนต์ หมายเลขทะเบียน กข-55 นนทบุรี เพื่อให้ผู้พบเห็นหลงเชื่อว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้เสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ. 2551 แล้ว นายชัยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 เมื่อนายชัยเป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมจึงต้องรับโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรกประกอบมาตรา 265 แต่กระทงเดียวตามมาตรา 268 วรรคสอง (คำพิพากษาฎีกาที่ 2463/2548)

แม้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 249 จะมิได้บัญญัติไว้ด้วยว่าการทำบัตรให้มีลักษณะและขนาดคล้ายคลึงกับเงินตรา ต้องกระทำเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นธนบัตรที่แท้จริง แต่คำว่าคล้ายคลึงแสดงว่าเกือบเหมือนหรือไม่ต้องเหมือนทีเดียวเพียงแต่มีลักษณะสีสันรูปร่างและขนาดคล้ายเงินตราที่แท้จริงก็เป็นความผิดตามมาตรานี้ แต่สำเนาธนบัตรที่นายชัยทำขึ้นเกิดจากการถ่ายธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ของจริงลงในกระดาษธรรมดา สีสันในส่วนสำเนาธนบัตรเป็นสีขาวดำ มิได้มีสีสันเหมือนธนบัตรฉบับจริง แม้ว่าขนาดของกระดาษจะเท่าของจริง เมื่อวิญญูชนทั่วไปดูแล้ว ย่อมทราบได้ทันทีว่าไม่ใช่ธนบัตรที่แท้จริง กรณีจึงถือไม่ได้ว่านายชัยทำบัตรให้มีลักษณะและขนาดคล้ายคลึงกับเงินตรา จึงไม่มีความผิดตามมาตรา 249 (คำพิพากษาฎีกาที่ 2828/2551)

ด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น นายชัยมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม แต่ไม่มีความผิดฐานปลอมธนบัตร

สมัยที่ 63 ปีการศึกษา 2553

ข้อ 4. นายปิงกับนายวังร่วมกันแจ้งต่อนางหวานเจ้าหน้าที่ปกครอง สำนักงานทะเบียนอำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ว่า(1) นายวังชื่อนายน่าน เป็นบุตรของนายปิง ขอทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ เนื่องจากบัตรเดิมสูญหาย (2) นางหวานจึงให้บุคคลทั้งสองไปพบนายเค็มปลัดอำเภอเลิงนกทาเพื่อทำการสอบสวน (3) นายเค็มสอบสวนแล้วแจ้งให้นายปิงไปหาบุคคลมารับรองตัวนายวัง นายปิง จึงไปตามนายยมมา และนายยมได้ลงชื่อรับรองในบันทึกคำให้การรับรองบุคคลด้านหลังคำขอมีบัตรใหม่หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนว่านายวังชื่อนายน่าน (4) โดยนายปิง นายวังและนายยมรู้ว่านายน่านถึงแก่ความตายไปแล้ว (5) ก่อนที่นายปิงกับนายวังมาแจ้งต่อนางหวานและนายเค็มผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานบัตรประจำตัวประชาชน

ให้วินิจฉัยว่า นายปิง นายวัง และนายยมมีความผิดฐานใดหรือไม่

จากโจทย์ วินิจฉัยกรณี (1) ตัวการ (2) ผู้สนับสนุน (3) แจ้งข้อความเท็จต่อเจ้าพนักงาน (4) แจ้งจดข้อความอันเป็นเท็จ

ประเด็นที่ต้องตอบ (1) นายปิง มีความผิดฐานใดหรือไม่ (2) นายวัง มีความผิดฐานใดหรือไม่ (3) นายยม มีความผิดฐานใดหรือไม่

หลักกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,86,137 และ 267

มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดแม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตามผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น

มาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 267 ผู้ใดแจ้งให้เจ้าพนักงาน ผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คำตอบ ข้อเท็จจริงตามปัญหา แยกพิจารณาได้ดังนี้

การที่นายปิงกับนายวังร่วมกันแจ้งต่อนางหวานเจ้าหน้าที่ปกครองและนายเค็มปลัดอำเภอผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานบัตรประจำตัวประชาชนว่า นายวังชื่อนายน่านเป็นบุตรของนายปิง ขอทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่เนื่องจากบัตรเดิมสูญหาย โดยนายปิงกับนายวังรู้ว่านายน่านถึงแก่ความตายไปก่อนแล้วจึงเป็นการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายด้วย นายปิงกับนายวังจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการแจ้งจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการและเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267, 137 ประกอบมาตรา 83

ส่วนนายยมแม้รู้ว่านายน่านถึงแก่ความตายไปก่อนแล้ว แต่นายยมเป็นเพียงแต่ลงชื่อรับรองตัวบุคคลโดยที่มิได้ร่วมกับนายปิงและนายวังแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ การกระทำของนายยมจึงเป็นการกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด นายยมจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานแจ้งจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการและเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267, 137ประกอบมาตรา 86 (คำพิพากษาฎีกาที่ 2502/2550)

ด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น นายปิงกับนายวังจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการแจ้งจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการและเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

นายยมจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานแจ้งจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการและเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

สมัยที่ 64 ปีการศึกษา 2554

ข้อ 4. นางดำปลอมบัตรเครดิตของนายเขียวซึ่งเป็นบัตรที่ธนาคารแห่งหนึ่งออกให้แก่นายเขียว (1) โดยบัตรที่นางดำปลอมนั้นมีขนาด รูปร่างและข้อความเหมือนกับที่ธนาคารออกให้แก่นายเขียว (2) นอกจากนี้นางดำยังปลอมลายมือชื่อของนายเขียวในบัตรปลอมนั้นด้วย (3) แล้วนางดำเก็บบัตรปลอมนั้นไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานและตั้งใจว่าจะนำบัตรปลอมนั้นไปใช้ซื้อสินค้ำที่ห้างสรรพสินค้ำในวันรุ่งขึ้น

ให้วินิจฉัยว่า นางดำมีความผิดฐานใดหรือไม่

จากโจทย์ วินิจฉัยกรณี (1) ปลอมเอกสาร (2) ใช้เอกสารปลอม

ประเด็นที่ต้องตอบ (1) นางดำ มีความผิดฐานใดหรือไม่

หลักกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9) , 264,265,266 ,269/4 และ 267

มาตรา 1 ในประมวลกฎหมายนี้ (9) "เอกสารสิทธิ" หมายความว่า เอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ

มาตรา 264 ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใดเติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริงหรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้นถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแต่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

มาตรา 265 ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา 266* ผู้ใดปลอมเอกสารดังต่อไปนี้ (1) เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

มาตรา 269/4 ผู้ใดในการประกอบการงานในวิชาแพทย์ กฎหมาย บัญชีหรือวิชาชีพอื่นใด ทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดโดยทุจริต ใช้หรืออ้างคำรับรองอันเกิดจากการกระทำความผิดตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

คำตอบ ข้อเท็จจริงตามปัญหา แยกพิจารณาได้ดังนี้

การที่นางดำปลอมบัตรเครดิตของนายเขียวและปลอมลายมือชื่อของนายเขียวในบัตรเครดิตที่ทำปลอมขึ้นนั้น เป็นการปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264 วรรคแรก

และเมื่อบัตรเครดิตนั้นเป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อสิทธิ จึงเป็นเอกสารสิทธิตามมาตรา1(9) นางดำจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามมาตรา265

การปลอมบัตรเครดิตเป็นการปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา269/1 ด้วย เพราะบัตรเครดิตเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1 (14) (ก) และเมื่อบัตรดังกล่าวธนาคารผู้ออกบัตรได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่ำสินค้ำแทนการชำระด้วยเงินสด นางดำจึงมีความผิดตามมาตรา266/1 ประกอบมาตรา269/7ส่วนที่นางดำตั้งใจว่าจะนำบัตรเครดิตปลอมนั้นไปใช้ซื้อสินค้ำที่ห้างสรรพสินค้ำในวันรุ่งขึ้นนั้น การที่มีบัตรนั้นไว้จึงมีความผิดฐานมีไว้เพื่อใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา269/4วรรคแรก ประกอบมาตรา269/7 ด้วย

สมัยที่ 65 ปีการศึกษา 2555

ข้อ 4. นายขาวทำเครื่องมือสำหรับทำเหรียญห้าบาทซึ่งรัฐบาลออกใช้ขึ้นมา 1 ชุด แล้วเก็บไว้ (1) วันรุ่งขึ้นนายขาวใช้เครื่องมือดังกล่าวทำเหรียญห้าบาทขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ตั้งใจว่าจะใช้เหรียญห้าบาทนั้นไปซื้อสิ่งของ แต่ยังไม่ทันได้นำไปใช้ เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายขาวได้เสียก่อน

ให้วินิจฉัยว่า นายขาวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดบ้าง

จากโจทย์ วินิจฉัยกรณี (1) ปลอมเงินตรา (2) ใช้ของปลอม (3) ทำเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงเงินตรา

ประเด็นที่ต้องตอบ (1) นายขาว มีความผิดฐานใดหรือไม่

หลักกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 , 244 ,246 และ 248

มาตรา 240 ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกระษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ๆผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท

มาตรา 244 ผู้ใดมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งสิ่งใด ๆ อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอมตามมาตรา 240 หรือของแปลงตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสามหมื่นบาท

มาตรา 246 ผู้ใดทำเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงเงินตราไม่ว่าจะเป็นเหรียญกระษาปณ์ ธนบัตร หรือสิ่งใด ๆ ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือสำหรับปลอมหรือแปลงพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ๆ หรือมีเครื่องมือหรือวัตถุเช่นว่านั้น เพื่อใช้ในการปลอมหรือแปลง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท

มาตรา 248 ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 240 มาตรา 241 หรือมาตรา 247 ได้กระทำความผิดตามมาตรา อื่นที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้อันเกี่ยวกับสิ่งที่ตนปลอมหรือแปลงนั้นด้วย ให้ลงโทษผู้นั้นตามมาตรา 240 มาตรา 241 หรือมาตรา 247 แต่กระทงเดียว

คำตอบ ข้อเท็จจริงตามปัญหา แยกพิจารณาได้ดังนี้

นายขาวทำเครื่องมือสำหรับปลอมเงินตราคือเหรียญห้าบาท ซึ่งเป็นเหรียญกระษาปณ์ซึ่งรัฐบาลออกใช้ และมีเครื่องมือเช่นว่านั้นเพื่อใช้ในการปลอมเหรียญห้าบาท นายขาวจึงมีความผิดฐานทำและมีเครื่องมือทำปลอมเงินตรา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246

เมื่อนายขาวใช้เครื่องมือดังกล่าวทำเหรียญห้าบาทขึ้นมา จึงเป็นการทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราเหรียญห้าบาทอันเป็นเหรียญกระษาปณ์ซึ่งรัฐบาลออกใช้ นายขาวจึงมีความผิดฐานปลอมเงินตรา ตามมาตรา 240 อีกกระทงหนึ่ง

และการที่นายขาวตั้งใจว่าจะใช้เหรียญห้าบาทนั้นไปซื้อสิ่งของ แม้จะยังไม่ทันได้ใช้ก็เป็นการมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเหรียญห้าบาทปลอมที่นายขาวได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอมอันเป็นความผิดสำเร็จแล้ว นายขาวจึงมีความผิดฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราปลอม ตามมาตรา 244 อีกกระทงหนึ่ง

แต่นายขาวเป็นผู้กระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา ได้กระทำความผิดฐานทำและมีเครื่องมือทำปลอมเงินตรา และฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราปลอม จึงเป็นกรณีที่นายขาวกระทำความผิดตามมาตราอื่นอันเกี่ยวกับสิ่งที่ตนปลอมนั้นด้วย ต้องลงโทษนายขาวฐานปลอมเงินตรา ตามมาตรา 240 ประกอบมาตรา 248 กระทงเดียว(เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 92/2521 ,2846/2519)

ด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น นายขาวมีความผิดฐานปลอมเงินตรา

หมายเลขบันทึก: 585862เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2015 13:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2015 13:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท