ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 23 มกราคม 2558 อบรมโอดีรุ่นสอง
เสียงน้ำไหลจ๊อกแจ๊กๆ ในยามพระอาทิตย์ของแสงยามเช้าส่องผ่านรูปปั้นแท่งหินที่วางเรียงรายต่อระยะกันอย่างสวยงามของโรงแรมหนึ่งที่จัดอบรมโอดี ผมพยายามนั่งนึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาเมื่อผ่านช่วงครึ่งวันแรกของการมาโอดี สิ่งที่จำได้ตอนนี้คือชีวิตคนเราต้องมีเป้าหมายชัดเจนและต้องมีลีลาไปสู่เป้าหมายนั้น อาจารย์คนตัวเล็กๆ นิวัฒน์เป็นผู้ถ่ายทอด
ช่วงเช้าเราผ่านกิจกรรมต่างๆที่ร้อยเรื่องราวเพื่อหลอมรวมใจของทุกคนให้เป็นหนึ่ง สร้างความผูกพัน ช่วงเวลาสั้นๆอันแรกนี้ที่รับรู้ได้ก็คือการได้ถูกเนื้อต้องตัวกันกับเพื่อนๆร่วมงานซึ่งร้อยวันพันปีแค่คุยก็ยังไม่ได้ทำล่ะมั๊ง เราได้เห็นรอยยิ้มได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน ได้สนกร่วมกันน่าสนใจทีเดียว
ในช่วงบ่ายผ่านกิจกรรมที่เรียนรู้หอคอยนรกซึ่งหลายคนเปรียบเทียบว่ามันคือการบริการของโรงพยาบาลที่ฝากความรับผิดชอบคุณภาพการบริการดีๆไว้กับทุกคน เพื่อเรียนรู้ธรรมชาติขององค์กรที่ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมอย่างนี้ การทำงานที่ทำลายเป้าหมายด้วยการใช้ดุลยพินิจการตัดสินใจที่ผิดพลาด มีเจตนาที่ดีหากแต่ทำให้แท่งไม้ที่เรียงซ้อนกันต้องพังครืนลงมา จริงๆในเกมส์ที่เล่นแล้วเกิดผิดพลาดไม่ใช่การไม่ให้หอคอยพังหรอกแต่เป็นการตัดสินใจเพื่อมีชัยชนะในเป้าหมายเปรียบได้กับการให้บริการที่ดีที่สุดมีประสิทธิภาพที่สุดต้นทุนต่ำที่สุด รอบคอบที่สุดและได้รับผลตอบแทนคือชนะใจผู้รับบริการ ข้อเรียนรู้ตรงนี้ที่น่าสนใจคือเมื่ออาจารย์ถามหาคนผิด มีน้อยคนที่จะยกมือ เพื่อระบุุตัวคนผิด คนที่เห็นด้วยว่าคนที่ทำให้แท่งไม้นั้นพังลงมานั้นผิด คนๆนี้จะได้ประโยขน์จากกิจกรรมนี้เพราะเขาจะจำได้แม่นเลยว่าตัดสินใจผิดจากคำเฉลย ความจริงของชีวิตก็เป็นอย่างนั้น แต่การสรุปของหอคอยนรกคือการร่วมแรงร่วมใจคัดเลือกคนให้บริการที่เก่งเข้าไปเพื่อชิงชัยชนะ หกทีมล้มกันไปสี่ทีมแล้วเหลือทีมเราที่มีคะแนนนำและเราก็ต้องแพ้ไปเนื่องจากไม่ตัดสินใจเสี่ยง เราไม่ยอมเสี่ยงเพราะว่ากลัวทำแท่งไม้ล้มจึงอยู่เฉยๆ จนหมดเวลา ถ้าเราเสี่ยงแล้วก็พังครืนลงมาก็ยังได้ที่สองอยู่ดี ตรงนี้แหละที่ต้องเรียนรู้
ไม่มีความเห็น