หมวด
4
ความรับผิดในทางอาญา
มาตรา 59
บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา
เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท
ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท
หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา
ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด
จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้
กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา
แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์
และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้
แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
การกระทำ
ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย
มาตรา 60 ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง
แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป
ให้ถือว่า
ผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น
แต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้น
เพราะฐานะของบุคคลหรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย
มิ ให้นำกฎหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น
มาตรา 61 ผู้ใดเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง
แต่ได้กระทำต่ออีกบุคคลหนึ่งโดยสำคัญผิด
ผู้นั้นจะยกเอาความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้กระทำโดยเจตนาหาได้ไม่
มาตรา 62 ข้อเท็จจริงใด
ถ้ามีอยู่จริงจะทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด
หรือทำให้ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง
แม้ข้อเท็จจริงนั้นจะไม่มีอยู่จริง แต่ผู้กระทำสำคัญผิดว่ามีอยู่จริง
ผู้กระทำย่อมไม่มีความผิดหรือได้รับยกเว้นโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง
แล้วแต่กรณี
ถ้าความไม่รู้ข้อเท็จจริงตามความในวรรคสามแห่งมาตรา 59
หรือความสำคัญผิดว่ามีอยู่จริงตามความในวรรคแรก
ได้เกิดขึ้นด้วยความประมาทของผู้กระทำความผิด
ให้ผู้กระทำรับผิดฐานกระทำโดยประมาท
ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะว่าการกระทำนั้นผู้กระทำจะต้องรับโทษแม้กระทำโดยประมาท
บุคคลจะต้องรับโทษหนักขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงใด
บุคคลนั้นจะต้องได้รู้ข้อเท็จจริงนั้น
มาตรา 63
ถ้าผลของการกระทำความผิดใดทำให้ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้น
ผลของการกระทำความผิดนั้นต้องเป็นผลที่ตามธรรมดาย่อมเกิดขึ้นได้
มาตรา 64
บุคคลจะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นจากความรับผิดในทางอาญาไม่ได้
แต่ถ้าศาลเห็นว่า ตามสภาพและพฤติการณ์
ผู้กระทำความผิดอาจจะไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด
ศาลอาจอนุญาตให้แสดงพยานหลักฐานต่อศาล และถ้าศาลเชื่อว่า
ผู้กระทำไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติไว้เช่นนั้น
ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
มาตรา 65
ผู้ใดกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ
หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน
ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น
แต่ถ้าผู้กระทำความผิดยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง
หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น
แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
มาตรา 66
ความมึนเมาเพราะเสพย์สุราหรือสิ่งเมาอย่างอื่นจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวตามมาตรา
65 ไม่ได้
เว้นแต่ความมึนเมานั้นจะได้เกิดโดยผู้เสพย์ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้มึนเมา
หรือได้เสพย์โดยถูกขืนใจให้เสพย์
และได้กระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ
หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ผู้กระทำความผิดจึงจะได้รับยกเว้นโทษสำหรับความผิดนั้น
แต่ถ้าผู้นั้นยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง
หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง
ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
มาตรา
67 ผู้ใดกระทำความผิดด้วยความจำเป็น
(1)
เพราะอยู่ในที่บังคับ หรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยง
หรือขัดขืนได้ หรือ
(2)
เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้
เมื่อภยันตรายนั้นตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน
ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุแล้ว
ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
มาตรา 68
ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย
อันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง
ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ
การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้นั้นไม่มีความผิด
มาตรา 69 ในกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา 67
และมาตรา 68 นั้นถ้าผู้กระทำได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ
หรือเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นหรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
แต่ถ้าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากความตื่นเต้น ความตกใจ หรือความกลัว
ศาลจะไม่ลงโทษผู้กระทำก็ได้
มาตรา 70 ผู้ใดกระทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน
แม้คำสั่งนั้นจะมิชอบด้วยกฎหมาย
ถ้าผู้กระทำมีหน้าที่หรือเชื่อโดยสุจริตว่ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
เว้นแต่จะรู้ว่าคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งซึ่งมิชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 71 ความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 334
ถึงมาตรา 336 วรรคแรก และมาตรา 341 ถึงมาตรา 364 นั้น
ถ้าเป็นการกระทำที่สามีกระทำต่อภริยา หรือภริยากระทำต่อสามี
ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ
ความผิดดังระบุมานี้
ถ้าเป็นการกระทำที่ผู้บุพการีกระทำต่อผู้สืบสันดาน
ผู้สืบสันดานกระทำต่อผู้บุพการี
หรือพี่หรือน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกระทำต่อกัน
แม้กฎหมายมิได้บัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความได้
ก็ให้เป็นความผิดอันยอมความได้ และนอกจากนั้น
ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
มาตรา 72
ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น
ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
มาตรา 73 เด็กอายุยังไม่เกินเจ็ดปี
กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ
มาตรา 74
เด็กอายุกว่าเจ็ดปีแต่ยังไม่เกินสิบสี่ปี
กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะดำเนินการดังต่อไปนี้
(1)
ว่ากล่าวตักเตือนเด็กนั้นแล้วปล่อยตัวไป
และถ้าศาลเห็นสมควรจะเรียกบิดามารดา
ผู้ปกครองหรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่มาตักเตือนด้วยก็ได้
(2)
ถ้าศาลเห็น ว่า
บิดามารดาหรือผู้ปกครองสามารถดูแลเด็กนั้นได้ศาลจะมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กนั้นให้แก่บิดามารดาหรือผู้ปกครองไป
โดยวางข้อกำหนดให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองระวังเด็กนั้นไม่ให้ก่อเหตุร้ายตลอดเวลาที่ศาลกำหนด
ซึ่งต้องไม่เกินสามปี
และกำหนดจำนวนเงินตามที่เห็นสมควรซึ่งบิดามารดาหรือผู้ปกครองจะต้องชำระต่อศาลไม่เกินครั้งละหนึ่งพันบาทในเมื่อเด็กนั้นก่อเหตุร้ายขึ้น
ถ้าเด็กนั้นอาศัยอยู่กับบุคคลอื่นนอกจากบิดามารดาหรือผู้ปกครอง
และศาลเห็นว่าไม่สมควรจะเรียกบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาวางข้อกำหนดดังกล่าวข้างต้น
ศาลจะเรียกตัวบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่มาสอบถามว่า
จะยอมรับข้อกำหนดทำนองที่บัญญัติไว้สำหรับบิดามารดาหรือผู้ปกครองดังกล่าวมาข้างต้นหรือไม่ก็ได้
ถ้าบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่ยอมรับข้อกำหนดเช่นว่านั้น
ก็ให้ศาลมีคำสั่งมอบตัวเด็กให้แก่บุคคลผู้นั้นไปโดยวางข้อกำหนดดังกล่าว
(3)
ในกรณีที่ศาลมอบตัวเด็กให้แก่บิดามารดา
ผู้ปกครองหรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่ตาม (2) ศาลจะ
กำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติเด็กนั้นเช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในมาตรา
56 ด้วยก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้
ให้ศาลแต่งตั้งพนักงานคุมประพฤติหรือพนักงานอื่นใดเพื่อคุมประพฤติเด็กนั้น
(4)
ถ้าเด็กนั้นไม่มีบิดามารดาหรือผู้ปกครอง
หรือมีแต่ศาลเห็นว่าไม่สามารถดูแลเด็กนั้นได้
หรือถ้าเด็กอาศัยอยู่กับบุคคลอื่นนอกจากบิดามารดา หรือผู้ปกครอง
และบุคคลนั้นไม่ยอมรับข้อกำหนดดังกล่าวใน (2)
ศาลจะมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กนั้นให้อยู่กับบุคคลหรือองค์การที่ศาลเห็นสมควรเพื่อดูแล
อบรมและสั่งสอนตามระยะเวลาที่ศาลกำหนดก็ได้
ในเมื่อบุคคลหรือองค์การนั้นยินยอมในกรณีเช่นว่านี้
ให้บุคคลหรือองค์การนั้นมีอำนาจเช่นผู้ปกครองเฉพาะเพื่อดูแลอบรมและสั่งสอน
รวมตลอดถึงการกำหนดที่อยู่และการจัดให้เด็กมีงานทำตามสมควร หรือ
(5)
ส่งตัวเด็กนั้นไปยังโรงเรียน หรือสถานฝึกและอบรม
หรือสถานที่ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อฝึกและอบรมเด็ก
ตลอดระยะเวลาที่ศาลกำหนด
แต่อย่าให้เกินกว่าที่เด็กนั้นจะมีอายุครบสิบแปดปี
คำสั่งของศาลดังกล่าวใน (2) (3) (4) และ (5) นั้น
ถ้าในขณะใดภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้ ค วามปรากฏแก่ศาลโดยศาลรู้เอง
หรือตามคำเสนอของผู้มีส่วนได้เสีย พนักงานอัยการ
หรือบุคคลหรือองค์การที่ศาลมอบตัวเด็กเพื่อดูแล อบรมและสั่งสอน
หรือเจ้าพนักงานว่า พฤติการณ์เกี่ยวกับคำสั่งนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป
ก็ให้ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งนั้น
หรือมีคำสั่งใหม่ตามอำนาจในมาตรานี้
มาตรา 75 ผู้ใดอายุกว่าสิบสี่ปี
แต่ยังไม่เกินสิบเจ็ดปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด
ให้ศาลพิจารณาถึงความรู้ผิดชอบและสิ่งอื่นทั้งปวงเกี่ยวกับผู้นั้น
ในอันที่จะควรวินิจฉัยว่าสมควรพิพากษาลงโทษผู้นั้นหรือไม่
ถ้าศาลเห็นว่าไม่สมควรพิพากษาลงโทษ ก็ให้จัดการตามมาตรา 74
หรือถ้าศาลเห็นว่าสมควรพิพากษาลงโทษ
ก็ให้ลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดลงกึ่งหนึ่ง
มาตรา 76 ผู้ใดอายุกว่าสิบเจ็ดปี
แต่ยังไม่เกินยี่สิบปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด
ถ้าศาลเห็นสมควร
จะลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งก็ได้
มาตรา 77 ในกรณีที่ศาลวางข้อกำหนดให้บิดามารดา
ผู้ปกครองหรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่
ระวังเด็กนั้นไม่ให้ก่อเหตุร้ายตามความในมาตรา 74 (2)
ถ้าเด็กนั้นก่อเหตุร้ายขึ้นภายในเวลาในข้อกำหนด
ศาลมีอำนาจบังคับบิดา มารดา
ผู้ปกครองหรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่
ให้ชำระเงินไม่เกินจำนวนในข้อกำหนดนั้น ภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควร
ถ้าบิดามารดา ผู้ปกครองหรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่ไม่ชำระเงิน
ศาลจะสั่งให้ยึดทรัพย์สินของบิดามารดา
ผู้ปกครองหรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่
เพื่อใช้เงินที่จะต้องชำระก็ได้
ในกรณีที่ศาลได้บังคับให้บิดามารดา
ผู้ปกครองหรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่ชำระเงินตามข้อกำหนดแล้วนั้น
ถ้าศาลมิได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งที่ได้วางข้อกำหนดนั้นเป็นอย่างอื่นตามความในมาตรา
74 วรรคท้าย
ก็ให้ข้อกำหนดนั้นคงใช้บังคับได้ต่อไปจนสิ้นเวลาที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดนั้น
มาตรา 78 เมื่อปรากฎว่ามีเหตุบรรเทาโทษ
ไม่ว่าจะได้มีการเพิ่มหรือการลดโทษตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นแล้วหรือไม่ถ้าศาลเห็นสมควร
จะลดโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้นก็ได้
เหตุบรรเทาโทษนั้น
ได้แก่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้โฉดเขลาเบาปัญญาตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส
มีคุณความดีมาแต่ก่อน
รู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดนั้น
ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานหรือให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
หรือเหตุอื่นที่ศาลเห็นว่ามีลักษณะทำนองเดียวกัน
มาตรา 79 ในคดีที่มีโทษปรับสถานเดียว
ถ้าผู้ที่ต้องหาว่ากระทำความผิด
นำค่าปรับในอัตราอย่างสูงสำหรับความผิดนั้นมาชำระก่อนที่ศาลเริ่มต้นสืบพยาน
ให้คดีนั้นเป็นอันระงับไป