การศึกษาใหม่ จากเดนมาร์ก
ทำในกลุ่มตัวอย่าง
นักวิ่ง และ นักไม่วิ่ง
.
วิ่งจ๊อกกิ้งในที่นี้ คืออะไร
= วิ่ง 5 ไมล์/ชั่วโมง
= วิ่ง 8 กม./ชม.
...............................
ทุกคน มีสุขภาพดี มากกว่า 1,000 ราย
ติดตามไป 12 ปี
.
พบว่า
คนที่วิ่งเป็นประจำ น้อยกว่า 2.5 ชั่วโมง/สัปดาห์
เสียชีวิตก่อนวัยอันควร น้อยที่สุด
...............................
คนที่ ไม่ออกกำลังเลย
หรือ
วิ่งมากกว่า 4 ชั่วโมง/สัปดาห์
เสียชีวิตก่อนวัยอันควร มากที่สุด
.
การศึกษานี้แปลกที่พบว่า
คนที่วิ่งมากไป กลับตายเร็วมากกว่า ไม่ออกกำลัง คือ
(1). วิ่งเร็วกว่า 7 ไมล์/ชม.
(2). วิ่งมากกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์
...............................
ช่วงที่ ได้รับผลจากการวิ่งดีที่สุด คือ
(1). วิ่งเร็ว 8 กม./ชม.
(2). ไม่เกิน 3 ครั้ง/สัปดาห์
(3). ไม่เกิน 2.5 ชั่วโมง/สัปดาห์
...............................
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า
ทางเลือกที่่น่าจะดีสำหรับ
การออกแรง-ออกกำลัง เพื่อสุขภาพ ได้แก่
.
(1). ออกกำลังหนักปานกลาง เป็นหลัก
เน้น การเดินเร็วมาก สลับเร็วปานกลาง
(brisk walking)
...............................
(2). ออกกำลังหนักมาก “เป็นช่วงๆ”
ใช้เวลาสั้นๆ สลับ ช่วงพัก
หรือที่เรียกว่า “อินเทอร์เวา (interval training)”
.
(3). ไม่นั่้งนาน
เน้น ขยับเขยื้อนร่างกาย ทุก 30 -60 นาที เช่น
ลุกขึ้นยืนสลับนั่ง
เดินไปมาสลับ
เขย่าขา โดยการขยับขา
ให้หัวเข่า เข้าใน-ออกนอก เร็วๆ
อย่างน้อย 10-20 ครั้ง
...............................
กลไกที่เป็นไปได้ คือ
การออกกำลัง "หนักๆนานๆ" ไม่เหมือน แบบแรงปานกลาง
หรือ แบบ "หนักๆ สั้นๆ"
.
เพราะ กล้ามเนื้อ-เอ็น มีโอกาสบาดเจ็บมากกว่า
และ ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาซ่อมแซม 48 ชั่วโมง
หรือ 2 วัน
ถ้าพักน้อยกว่านั้น อาจยังไม่หายดี
เสี่ยงเจ็บปวดเรื้อรัง
...............................
อาจารย์ผู้ทำวิจัย ตั้งสมมติฐานว่า
มีความเป็นไปได้ที่ การออกกำลัง "หนักๆ นานๆ"
อาจทำให้ หัวใจ-ระบบไหลเวียนเลือด บาดเจ็บเล็กน้อย
ซึ่ง ต้องใช้เวลาซ่อมแซม
= 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน เช่นกัน
.
ถ้าพักน้อยกว่านั้น อาจยังไม่หายดี
และ เสี่ยงต่อการบาดเจ็บเรื้อรังได้เช่นกัน
...............................
ถ้าท่านชอบออกกำลัง "หนักๆ นานๆ"
การออกกำลังแบบ "หนักวัน เบาวัน"
หรือ "หนักวัน ปานกลางอีกวัน" น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
ถึงตรงนี้... ขอให้ทุกๆ ท่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...............................
From > http://www.bbc.com/news/health-31095384
Source by BBC > Journal of the American College of Cardiology
ขอบคุณบันทึกดีๆ มากครับคุณหมอ...แอบมาอ่านประจำครับผม
ขอบพระคุณค่ะ