เก็บมาเล่าต่อ (ย้อนอ่านตอนที่ 1 และ 2) จากหนังสือจากหนังสือ “Power, Influence and Persuasion” ภาคภาษาไทยที่ชื่อว่า “กลวิธีปกครองคน” ในบทที่ 2 ว่าด้วย แหล่งที่มาของอำนาจ อ่านแล้วรู้สึกหัวใจพองโตมากเลยค่ะ อยากนำมาเล่าต่อเร็วๆ เพราะเนื้อหาในบทนี้ ทำให้ทราบว่า ไม่เฉพาะอำนาจที่มากับการมีตำแหน่งหน้าที่บริหารเท่านั้น แต่ อำนาจ ยังมาจากอีก 2 แหล่งสำคัญ คือ อำนาจจากความสัมพันธ์ และ อำนาจในตนเอง ซึ่งเราคนเดินดินธรรมดา ถึงแม้ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารใดๆ ก็สามารถแสวงหา และมีอำนาจนี้ได้ และความสำคัญของอำนาจนี้ ก็มีไม่น้อยกว่าอำนาจจากตำแหน่งซะด้วย ขอย้ำอีกครั้งว่า “power” หรือ อำนาจ ในที่นี้คือ “ศักยภาพในการจัดสรรทรัพยากร การตัดสินใจ และการจูงใจให้มีการตัดสินใจ”
ก่อนอื่นขอสรุปเกี่ยวกับอำนาจที่มาจากตำแหน่งก่อน ต่อจากนั้นจึงเป็นอำนาจจากความสัมพันธ์และอำนาจจากตนเอง
อำนาจจากตำแหน่ง ได้มาจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งมาพร้อมกับความรับผิดชอบ และอำนาจบังคับบัญชาระดับใดระดับหนึ่ง รวมถึงการควบคุมจัดสรรทรัพยากรบางอย่าง อำนาจจากตำแหน่งนั้น มีขอบเขตของอำนาจชัดเจน เช่น หัวหน้าหน่วยงาน ก. มีอำนาจบังคับบัญชาในขอบเขตหน่วยงาน ก. ไม่มีอำนาจในหน่วยงาน ข. เป็นต้น
อำนาจจากตำแหน่งเป็นสิ่งเย้ายวน แต่หากผู้บริหาร หวังพึ่งพาอำนาจจากตำแหน่งเพียงอย่างเดียวในการกระตุ้นพฤติกรรมของคนเพื่อให้งานสำเร็จ ก็มีหวังจะพบกับความร่วมมือจากลูกน้องอย่างไม่เต็มใจ หรือร้ายไปกว่านั้นอาจไม่ได้รับความร่วมมือไปเลย ทั้งนี้ เพราะในการทำงานใดๆ ให้สำเร็จนั้น ต้องพึ่งพิงความช่วยเหลือจากคนจำนวนมาก ทั้งในฝ่ายตนเอง และคนภายนอก อย่างไรก็ตาม ผู้ใต้บังคับบัญชา ก็มักจะรับรู้อำนาจจากตำแหน่งอยู่ดี และ มีโอกาสที่พวกเขาจะทำตัวเหินห่าง เพราะความหวาดระแรงในอำนาจของคุณ ที่อาจจะมีอิทธิพลเหนือความเป็นอยู่ของพวกเขาตลอดเวลา
ข้อแนะนำในการใช้อำนาจจากตำแหน่งให้ดำเนินการอย่างดีที่สุดก็คือ
- ใช้อำนาจจากตำแหน่ง ที่เวลาที่จำเป็นเท่านั้น ในภารกิจส่วนใหญ่แล้วนั้น ต้องใช้การจูงใจ หรือวิธีการอื่นๆ ทุกครั้งที่เป็นไปได้
- ต้องตระหนักและเข้าใจในขอบเขตของอำนาจจากตำแหน่งของคุณ และอย่าได้พยายามใช้มันเกินขอบเขต
- ปกป้องการล่วงละเมิดอำนาจจากตำแหน่งของคุณ
อำนาจจากความสัมพันธ์ เป็นอำนาจอย่างไม่เป็นทางการ เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์โดยอยู่บนพื้นฐานของความร่วมมือ และ การพึ่งพาอาศัย ดังเช่นที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ว่ามีการใช้ความร่วมมือ และ การพึ่งพาอาศัยกันในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรวมบริษัท หรือการทำงานร่วมกันแบบเครือข่าย หรืออื่นๆ ล้วนเป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกวงการเพื่อผลักดันงานที่ยาก งานใหญ่ หรือ งานที่ซับซ้อนให้สำเร็จลุล่วง
หากพูดถึงเรื่อง ความร่วมมือ (coalition) นั้น มี 2 ประเภท คือ 1. ความร่วมมือตามธรรมชาติของคู่พันธมิตรที่มีประโยชน์ร่วมกัน และ 2) ความร่วมมือแบบเฉพาะกิจ ซึ่งแต่ละฝ่ายมารวมกันเพื่อสนับสนุนหรือขัดขวางในสิ่งที่เป็นประเด็นเดียวกัน (บ่อยครั้งด้วยเหตุผลต่างกัน – ตัวอย่างการรวมตัวกันของกลุ่มพันธมิตรฯ ก่อนรัฐประหารก็คงเข้าข่ายนี้) ส่วนความร่วมมือตามธรรมชาตินั้น ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพราะ มีประโยชน์อย่างกว้างๆ ร่วมกัน เช่น ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งต่างก็มีประโยชน์ร่วมและ เป้าหมายร่วมกัน การร่วมมือแบบนี้ เป็นสิ่งที่ยากต่อการทำลาย
อีกเรื่องหนึ่งในอำนาจประเภทนี้ การพึ่งพิง (dependencies) เป็นธรรมชาติของสังคมที่เราต้องพึ่งพิงผู้อื่นสำหรับบางสิ่ง แล้วคุณต้องพึ่งพิงสิ่งใดบ้าง? หัวหน้าใหม่ มักจะพบสถานการณ์ที่ต้องพึ่งพิงผู้อื่นอย่างมากในการทำงาน และ รู้สึกมีข้อจำกัดของทางเลือกเพราะไม่สามารถสั่งการได้โดยง่าย ทั้งหมดนี้ อำนาจที่มาจากความสัมพันธ์ที่มีการพึ่งพิงนั้น เป็นผลมาจากปัจจัยสองประการคือ 1) การที่ผู้อื่นพึ่งพิงคุณ (ปัจจัยด้านบวก) 2) ระดับที่คุณพึ่งพิงผู้อื่น (ปัจจัยด้านลบ) ดังนั้น คุณจะสามารถเพิ่มอำนาจจากความสัมพันธ์นี้ได้ โดย ลดการพึ่งพิงผู้อื่นๆ หรือ ทำให้ผู้อื่นพึ่งคุณมากขึ้น
อำนาจในตนเอง เป็นลักษณะหรือคุณสมบัติของตัวคุณเอง ที่ผู้อื่นตระหนักได้ เป็นอำนาจที่จะยังคงเหลืออยู่เมื่อคุณพ้นจากอำนาจอย่างเป็นทางการ คุณสมบัติเหล่านี้เช่น
ผลรวมของบุคลิกภาพเหล่านี้ เป็นการบอกระดับอำนาจในตนเองของคุณ และ บอกความเป็นไปได้ในการเป็นผู้นำ ถึงแม้จะไม่มีอำนาจที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการ ผู้ที่มีคุณลักษณะเหล่านี้ ก็ยังสามารถมีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้อื่นได้
โดยสรุป
ชอบทั้งใจความที่อาจารย์นำมาเล่า และวิธีการที่อาจารย์เล่าเลยค่ะ อ่านแล้วพลอยรู้สึกฮึกเหิม อยากมีอำนาจในตนเอง บ้างนะคะ
อ่านแล้วได้ข้อคิดด้วยว่า ผู้ที่มีโอกาส มี อำนาจจากตำแหน่ง แล้วใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างถูกทาง เที่ยงตรง ทรงคุณธรรม จะเป็นที่รักเคารพศรัทธาเสมอไม่ว่าจะ"หลุด"ไปนานแค่ไหน
อำนาจในตนเอง เป็นลักษณะหรือคุณสมบัติของตัวคุณเอง ที่ผู้อื่นตระหนักได้ เป็นอำนาจที่จะยังคงเหลืออยู่เมื่อคุณพ้นจากอำนาจอย่างเป็นทางการ คุณสมบัติเหล่านี้เช่น
คุณเมตตาคะ
ยินดีค่ะ จะยืมเมื่อไร โทรมาได้เลยค่ะ