nui
นาง เสาวลักษณ์ พัวพัฒนกุล

​หนัง ๒ เรื่อง : American Sniper – Enemy at the Gates


ตั้งใจเขียนบันทึกนี้หลังจากดูหนัง American Sniper แต่ขณะเขียนคิดไปถึงหนังอีก ๒ เรื่อง คือ Enemy at the Gate กับ We were Soldiers หนังทั้ง ๓ เรื่อง Based on a true story ทำให้ต้องค้นตู้หาหนังและหนังสือที่เกี่ยวข้องมาอ่านอีกครั้ง

American Sniper สร้างจากหนังสือขายดีชื่อเดียวกัน เขียนโดย Chris Kyle เล่าประสบการณ์ตัวเองในฐานะทหารหน่วยซีลและพลแม่นปืนของอเมริกาที่ไปสงครามอิรักมาถึง ๔ ครั้ง เป็นพลแม่นปืนระดับตำนาน เด็ดชีพข้าศึกในสมรภูมิอิรักมากกว่า ๑๖๐ คน Clint Eastwood นำมาสร้างเป็นหนังออกฉายและได้เสนอชิง ๖ รางวัล รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และดารานำชาย

หนังเข้าฉายหลังประกาศรายชื่อหนังและผู้เข้าชิงรางวัลไปหมาดๆ จึงมีผู้ชมแน่นโรงทุกรอบ ขณะที่หนังสือฉบับแปลไทยชื่อ "วีระบุรุษมัจจุราช" กำลังวางขายเช่นกัน

หนังเริ่มที่ฉากสมรภูมิรบในอิรักขณะที่คริส ไคล์ (รับบทโดย Bradley Cooper) อยู่บนตึกสูงเล็งปืนไปที่เด็กและผู้หญิงข้างล่างที่มีอาวุธอยู่ในมือ บีบคั้นอารมณ์คนดูให้ลุ้นว่าคริสจะเหนี่ยวไกยิงผู้หญิงและเด็กได้จริงหรือ

ในหนังสือ คริสเริ่มเรื่องที่ฉากนี้และบอกว่าศพแรกของเขาที่อิรักเป็นผู้หญิงที่ถือระเบิดถอดสลักเตรียมขว้างใส่นาวิกโยธินอเมริกันกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินมาทางที่เธอยืนอยู่ ถ้าเธอไม่ตายเพื่อนทหารร่วมชาติของเขาหลายคนก็ต้องตาย

"กระสุนของผมช่วยชีวิตคนมากมายไว้ ชีวิตเหล่านั้นมีค่ายิ่งกว่าดวงวิญญาณอันชั่วร้ายของเธออย่างเทียบไม่ได้ ผมกล้ายืนยันต่อหน้าพระเจ้าโดยไม่รู้สึกผิด เพราะผมทำสิ่งที่ถูกต้อง..." (American Sniper วีรบุรุษมัจจุราช หน้า ๙)

ประโยคที่สื่อความหมายเดียวกันนี้ปรากฏในหนังเช่นกัน แต่อยู่ตอนท้ายเรื่องเมื่อคริสไปพบจิตแพทย์

คริสไปรบที่อิรักในช่วงปี ๑๙๐๓-๑๙๐๙ รวม ๔ ครั้ง หนังเน้นที่ภารกิจค้นหาผู้ก่อการร้ายแกนนำของอัลไกด้า ฉากสำคัญก่อนจบเรื่องเขาสามารถยิงระยะไกล ๒๑๐๐ หลาเด็ดชีพแกนนำคนสำคัญที่ซ่อนตัวบนยอดตึกได้สำเร็จ

หนังตัดสลับไปมาระหว่างการสู้รบกับชีวิตครอบครัวของคริส สำหรับหญิงที่เป็นเมียทหารนั้นขณะที่สามีออกไปอยู่กับความเป็นความตายชีวิตของพวกเธอและลูกๆ ย่อมไม่ปกติสุข และเมื่อพวกเขากลับมาชีวิตของครอบครัวทหารผ่านศึกก็ไม่มีวันเหมือนเดิมเช่นกัน

จบภารกิจสุดท้าย คริส ปลดประจำการกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัว หนังฉายภาพความสุขความอบอุ่นในครอบครัวเนิ่นนาน (จนผิดสังเกตว่าหนังควรจบเมื่อคริสเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญ) คริสหยอกเย้าเล่นกับลูกเมียก่อนเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถกระบะที่เพื่อนทหารผ่านศึกมาจอดรอหน้าบ้าน เทย่าที่ใบหน้ายิ้มมีความสุขยืนมองสามีจากหน้าต่างบ้าน นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เทย่าได้เห็นคริส

หนังขึ้นตัวอักษรว่า คริสถูกยิงเสียชีวิตในบ่ายวันนั้น ตรึงคนดูให้นิ่งงันกับเก้าอี้เนิ่นนาน.

................................................

จาก American Sniper ถึง Enemy at the Gates

ช็อทแรกของ American Sniper ที่คริสเล็งไปที่ผู้หญิงและเด็ก หนังตัดภาพไปที่คริสวัยเด็กขณะที่พ่อสอนยิงปืน ราวกับไปคัดลอกมาจากหนัง Enemy at the Gates หนังเก่าปี ๒๐๐๑ ที่เล่าเรื่อง Sniper ระดับพระกาฬชาวโซเวียต ชื่อ วาซีลี เซท์เซฟ (Vasily Zaytsv, 1915-1991) ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขณะที่กองทัพเยอรมันยกไปบุกสตาลินกราด จากชาวบ้านที่ใช้ปืนเข้าป่าล่าสัตว์ วาซีลี สมัครเป็นพลแม่นปืนของกองทัพโซเวียต เขาเด็ดชีพทหารเยอรมัน ๒๒๕ คน ๑๕ คนเป็นพลแม่นปืนของเยอรมัน ผลงานของวาซีลีถูกนำไปเผยแพร่สร้างขวัญกำลังใจให้ทหารโซเวียตฮึกเหิม ทุกวันนี้ปืนยาวของวาซีลีเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์เมืองสตาลินกราด เขาได้รับการยกย่องเป็นวีระบุรุษของประเทศ

หนัง Enemy at the Gates มีหลากหลายมิติกว่า American Sniper วาซีลี (Jude Law) รักผู้หญิงคนเดียวกับดานิลอฟ (Joseph Fiennes) เพื่อนสนิทที่ผลักดันให้วาซีลีเป็นที่รู้จัก กับ มิติของการชิงไหวชิงพริบระหว่างวาซีลี กับ ผู้พันโคนิก (Ed Harris) นายทหารเยอรมันแม่นปืนที่ส่งมาเก็บวาซีลีเป็นการเฉพาะหลังจากที่วาซีลีซุ่มยิงนายทหารเยอรมันระดับนำไปหลายคนจนกองทัพระส่ำระสาย

ฉากสุดท้ายที่ผู้พันโคนิกรู้ว่าพลาดท่า ถูกวาซีลีล่อให้ออกมาจากที่ซ่อนนั้น ชายชาติทหารอย่างผู้พันโคนิกถอดหมวกประกาศ "ยอมแพ้" ก่อนถูกกระสุนของวาซีลีปลิดชีพ

วาซีลี ในวัยหนุ่ม

คริส ไคล กับ เทย่า ภรรยา

วาซีลี รอดชีวิตจากสงคราม มีชีวิตยืนยาวหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติ เขาเสียชีวิตเมื่อปี ๑๙๙๑ ขณะอายุ ๗๖ ปี

คริส ไคล์ รอดชีวิตจากสงคราม เขาถูกยิงเสียชีวิตเมื่อบ่ายวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๓ อายุ ๓๘ ปี

…………………………………

หนังทั้งสองเรื่องทำให้เราเห็นภาพของภารกิจซุ่มยิงข้าศึก ได้เห็นภาพใกล้ของเหยื่อผ่านกล้องส่องทางไกลของปืน เห็นกระสุนเจาะเข้าที่หน้าผากล้มลงตายทันที ในสถานการณ์ที่ไม่ใช่สงคราม เราเรียกมันว่า "การลอบฆ่า" แต่ในสถานการณ์สงครามการลอบปลิดชีวิตแบบนี้ถือเป็นเกียรติประวัติ

หนึ่งศพที่ล้มลงตายอย่างง่ายดายในสงครามนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่อยู่ข้างหลังมากมายมหาศาล ผู้หญิง และเด็กๆ ที่สูญเสียพ่อ พ่อแม่ที่สูญเสียลูกชายอันเป็นที่รัก ผู้คนเหล่านั้นปลุกปลอบใจตัวเองว่านี่เป็นการเสียสละเพื่อประเทศชาติ

วาซีลี ต่อสู้กับข้าศึกบนแผ่นดินตัวเอง เพื่อปกป้องประเทศตัวเองจากการรุกรานของเยอรมัน ประเทศของเขาได้รับชัยชนะ เขาเป็นวีรบุรุษ

ในหลายๆ สมรภูมิ อเมริกาส่งลูกชาย สามี และพ่อ ของนับแสนครอบครัวไปตายยังต่างแดนที่ไม่เคยมีชายแดนติดประเทศตัวเองแม้แต่น้อย และบอกว่านี่คือภารกิจเพื่อชาติ.

เสาร์ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๘

คำสำคัญ (Tags): #American Sniper#Enemy at the Gates
หมายเลขบันทึก: 584832เขียนเมื่อ 31 มกราคม 2015 07:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม 2015 07:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เดียวต้องไปต้องไปดู .... ค่ะ.....


ขอบคุณมากๆๆค่ะ คิดถึงนะคะ

หนังดีค่ะ Dr. Ple

แต่มีอีก ๒ เรื่องที่ดีกว่า คือ The Imitation Game และ The Theory of Everything

ลูกสาวสวยทั้งสองคนนะคะ

ขอบคุณค่ะ คุณ ดารนี ชัยอิทธิพร และ อาจารย์ Pojana Yeamnaiyana Ed.D. ที่แวะมาอ่าน

อยากชวนไปดูหนังกันค่ะ

...จำได้ว่าตอนเป็นเด็กยังไม่เข้าโรงเรียนกลัวสงครามมากๆ...คิดกลัวอยู่ในใจเป็นพักๆ...

เป็นเหมือนกันค่ะอาจารย์ Pojana Yeamnaiyana Ed.D.

แต่ตอนนี้กำลังไล่ดูหนังสงครามโลกครั้งที่ ๒ อยู่ค่ะ

ขอบคุณค่ะ เล่าได้สนุกมากเลยค่ะ


ขอบคุณอาจารย์ ดร.กัลยา GD ที่ให้กำลังใจ

เวลาดูหนังสนุกก็อยากเล่า กำลังหาเพื่อนใน G2K เอาไว้คุยเรื่องหนังอยู่ค่ะ

ขอบคุณค่ะคุณ สมภพ ที่แวะมาให้กำลังใจ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท